แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 59
1
Covid-19 ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้หลอดเลือดได้รับความเสียหายหรือไม่

ใช่ครับ การติดเชื้อ COVID-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีอาการรุนแรง มีหลักฐานชัดเจนว่า ส่งผลกระทบและทำให้เกิดความเสียหายต่อหลอดเลือด ทั่วร่างกายได้

ความเสียหายต่อหลอดเลือดนี้เป็นกลไกสำคัญที่นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงของโรค COVID-19

กลไกที่ COVID-19 ทำลายหลอดเลือด
ไวรัส SARS-CoV-2 ส่งผลกระทบต่อหลอดเลือดผ่านกลไกหลักหลายอย่าง:

1. ภาวะเยื่อบุผนังหลอดเลือดทำงานผิดปกติ (Endothelial Dysfunction)
ไวรัสเข้าสู่เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด: ไวรัสใช้ตัวรับ ACE2 (Angiotensin-Converting Enzyme 2) ซึ่งมีอยู่มากบนเซลล์ที่เรียงตัวเป็นเยื่อบุชั้นในสุดของหลอดเลือด (Endothelium) ในการเข้าสู่เซลล์

การติดเชื้อทำให้เกิดการ อักเสบ และทำให้เยื่อบุผนังหลอดเลือดทำงานผิดปกติ (Endothelial Dysfunction) สูญเสียความยืดหยุ่น และความสามารถในการควบคุมการไหลเวียนของเลือด

2. การอักเสบทั่วร่างกาย (Systemic Inflammation)
การติดเชื้อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่รุนแรงจนเกิด ภาวะพายุไซโตไคน์ (Cytokine Storm)

สารอักเสบ (Cytokines) เหล่านี้เดินทางไปทั่วร่างกาย และทำให้เกิดการอักเสบและการบาดเจ็บต่อผนังหลอดเลือดโดยตรงและโดยอ้อม

3. ภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ (Hypercoagulable State)
ความเสียหายของเยื่อบุผนังหลอดเลือดและปฏิกิริยาการอักเสบจะกระตุ้นให้เกิด การแข็งตัวของเลือด ที่มากเกินไป (Hypercoagulable State)

สิ่งนี้นำไปสู่การเกิด ลิ่มเลือด (Blood Clots) ที่ผิดปกติ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในหลอดเลือดขนาดใหญ่และ หลอดเลือดฝอย (Microvasculature) ทั่วร่างกาย

ภาวะแทรกซ้อนจากความเสียหายของหลอดเลือด
ความเสียหายและการอุดตันของหลอดเลือดเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่างๆ:

ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism): ลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดในปอด ทำให้เกิดปัญหาในการแลกเปลี่ยนออกซิเจน

กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart Attack): ลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ

หลอดเลือดสมองตีบ/อุดตัน (Stroke): ลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง อาจนำไปสู่อัมพฤกษ์อัมพาต

ความเสียหายต่ออวัยวะ: การอุดตันของหลอดเลือดฝอยสามารถทำให้เกิดการขาดเลือดและทำลายอวัยวะสำคัญอื่นๆ เช่น ไตและสมอง ซึ่งเชื่อมโยงกับอาการลองโควิด (Long COVID) เช่น ภาวะสมองล้า (Brain Fog)

นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า COVID-19 อาจเร่งให้เกิด ภาวะหลอดเลือดแก่ก่อนวัย (Early Vascular Ageing) โดยเฉพาะในผู้หญิง ซึ่งทำให้หลอดเลือดแข็งตัวมากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาวครับ

2
ไข่ตุ๋นนมสด เมนูไข่ ทำง่าย นุ่มละมุน ทำขายเป็นอาชีพเสริม พร้อมเทคนิคทำไข่ให้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม

ไข่ตุ๋นนมสด อาหารจานนี้ผสมผสานความนุ่มละมุนของไข่นึ่งเข้ากับรสชาติเข้มข้นของนมสด ทำให้เป็นเมนูโปรดของครอบครัว อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และปรุงง่ายที่บ้าน อาหารทานเล่นที่ให้ความรู้สึกสบายใจ คงไม่มีอะไรเทียบได้กับไข่นึ่งร้อนๆนุ่มๆนุ่มละมุน ในอาหารไทย ลองนำสูตรนี้ไปทำตามกันดูรับรองว่าอร่อยถูกใจคนในครอบครัวแน่นอน

อะไรที่ทำให้ไข่นึ่งนมสดพิเศษ?
ต่างจากไข่นึ่งธรรมดาตรงที่การเติมนมสดเข้าไปทำให้เมนูนี้มีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มและกลิ่นหอมหวานเล็กน้อย รสชาติเบาแต่อิ่มท้อง เหมาะสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือใครก็ตามที่กำลังมองหาอาหารเพื่อสุขภาพที่อ่อนโยน เพียงแค่มีส่วนผสมไม่กี่อย่างและขั้นตอนการปรุงง่ายๆ คุณก็จะได้เมนูที่ทั้งอบอุ่นและดีต่อสุขภาพ

ส่วนผสมหลัก
ในการเตรียมไข่นึ่งแบบโฮมเมดคลาสสิกด้วยนมสด คุณต้องมีสิ่งต่อไปนี้:
ไข่สด 2–3 ฟอง
นมสด ½ ถ้วย (นมสดจะดีที่สุด)
เกลือหรือซีอิ๊วขาวเล็กน้อยสำหรับปรุงรส
ท็อปปิ้งเสริม เช่น ต้นหอม กระเทียมเจียว หรือหมูสับ

วิธีทำไข่นึ่งด้วยนมสด
ตีไข่ – ตอกไข่ใส่ชามแล้วตีจนเข้ากันดี
เติมนมสด – เทนมสดลงไปแล้วคนเบาๆ ให้เข้ากัน นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้ได้เนื้อครีมเนียนเหมือนคัสตาร์ด
ปรุงรสเบาๆ – เติมเกลือเล็กน้อยหรือซีอิ๊วขาวเล็กน้อย ระวังอย่าปรุงรสมากเกินไป เพราะรสชาติจะยังคงความนุ่มนวล
กรองส่วนผสม – เพื่อให้ได้ความเนียน ให้กรองส่วนผสมผ่านตะแกรงละเอียดลงในชามทนความร้อน
นึ่งเบา ๆ – วางชามลงในหม้อนึ่ง ใช้ไฟอ่อนประมาณ 10-15 นาที หรือจนกว่าไข่จะสุก ปิดชามด้วยฟอยล์หรือฝาปิดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหยดลงบนผิว
ตกแต่งและเสิร์ฟ – โรยต้นหอมซอย กระเทียมเจียว หรือหมูสับสักช้อนเพื่อเพิ่มรสชาติ เสิร์ฟอุ่นๆ พร้อมข้าวสวยร้อนๆ
ทำไมจึงเหมาะสำหรับการทำอาหารที่บ้าน
ไข่ตุ๋นนมสดเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ใช้วัตถุดิบน้อย ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ให้โปรตีนสูง เนื้อสัมผัสนุ่มละลายในปาก ไม่ว่าจะเสิร์ฟเป็นอาหารจานหลักหรือเครื่องเคียง ก็เข้ากันได้ดีกับข้าวสวยและอาหารไทยแบบบ้านๆ อื่นๆ

เคล็ดลับเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ควรใช้ไฟอ่อนในการนึ่งเพื่อป้องกันฟองอากาศหรือรอยแตกบนพื้นผิว
หากต้องการรสชาติที่เข้มข้นขึ้น ลองใช้น้ำสต็อกไก่ร่วมกับนม
หากคุณชอบรสชาติเผ็ดร้อน ให้ราดด้วยซอสถั่วเหลืองและน้ำมันงาก่อนเสิร์ฟ

ไข่ตุ๋นนมสด (ไข่ตุ๋นนมสด) คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการทำอาหารแบบบ้านๆ ง่ายๆ ที่ให้ความอบอุ่นและอิ่มอร่อยบนโต๊ะอาหาร เพียงแค่ไข่ นม และเครื่องปรุงเล็กน้อย คุณก็สามารถสร้างเมนูที่เนียนนุ่ม อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และให้ความรู้สึกสบายใจอย่างแท้จริง นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบางครั้งมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดก็มาจากสูตรอาหารที่เรียบง่ายที่สุด


3
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


4
เตรียมความพร้อมก่อนจัดฟันเด็ก

การเตรียมความพร้อมก่อนจัดฟันเด็กถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ และการเงินสำหรับผู้ปกครอง มีรายละเอียดดังนี้:


1. การเตรียมความพร้อมทางการแพทย์ (Medical Preparation)

1.1 ปรึกษาและตรวจประเมิน

พบทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทาง: เริ่มต้นด้วยการพาบุตรหลานไปปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน (Orthodontist) ที่เชี่ยวชาญด้านเด็กโดยเฉพาะ ช่วงอายุที่เหมาะสมในการตรวจประเมินเบื้องต้นคือประมาณ 7 ขวบ (ช่วงที่มีฟันชุดผสม) เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของขากรรไกร

การถ่ายภาพรังสี (X-Ray) และพิมพ์ปาก: ทันตแพทย์จะทำการเอกซเรย์ เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างกระดูกขากรรไกร ตำแหน่งฟันแท้ที่ยังไม่ขึ้น และพิมพ์ปากเพื่อทำแบบจำลองฟัน ใช้สำหรับวางแผนการรักษา


1.2 เคลียร์ช่องปากให้พร้อม (Dental Clearance)
การจัดฟันจะเริ่มได้ต่อเมื่อช่องปากมีสุขภาพดี ไม่มีปัญหาที่ต้องรักษาเร่งด่วน การเคลียร์ช่องปากประกอบด้วย:

ขูดหินปูนและขัดฟัน: กำจัดคราบจุลินทรีย์และหินปูน

อุดฟันผุ: รักษาฟันผุให้เรียบร้อยทั้งหมด เพื่อป้องกันการลุกลามเมื่อมีเครื่องมือจัดฟัน

รักษารากฟัน (ถ้าจำเป็น): สำหรับฟันที่มีการผุลึกถึงโพรงประสาทฟัน

ถอนฟัน (ตามแผนการรักษา): ในบางกรณีที่ทันตแพทย์เห็นว่าจำเป็นต้องถอนฟันน้ำนมหรือฟันแท้บางซี่เพื่อสร้างพื้นที่ หรือแก้ไขปัญหาขากรรไกร


2. การเตรียมความพร้อมด้านจิตใจและพฤติกรรม (Mental & Behavioral Preparation)

2.1 สร้างทัศนคติเชิงบวก
อธิบายอย่างตรงไปตรงมา: บอกลูกตามความจริงว่ากำลังจะไปพบทันตแพทย์เพื่อ "ทำให้ฟันสวยและเคี้ยวได้ดีขึ้น" หลีกเลี่ยงการโกหกว่าจะไปเที่ยว เพราะเมื่อเด็กพบความจริงจะยิ่งต่อต้านและไม่ให้ความร่วมมือ

เน้นประโยชน์: พูดถึงผลลัพธ์ที่ดีของการจัดฟัน เช่น การมีรอยยิ้มที่สวยงาม ฟันแข็งแรง และลดโอกาสฟันผุในอนาคต


2.2 เตรียมรับมือกับความรู้สึกไม่สบาย
ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย: แจ้งให้ลูกทราบว่าอาจรู้สึกปวดตึงฟันหรือระคายเคืองกระพุ้งแก้มในวันแรกๆ หลังติดเครื่องมือหรือปรับเครื่องมือ

เตรียมยาแก้ปวด: เตรียมยาแก้ปวดที่เหมาะสมสำหรับเด็ก (ตามคำแนะนำของแพทย์) ไว้ที่บ้าน เพื่อบรรเทาอาการปวดตึงฟันในช่วงแรก

ฝึกความร่วมมือ: หากลูกต้องใส่เครื่องมือแบบถอดได้ ผู้ปกครองต้องสร้างวินัยและกระตุ้นให้ลูกใส่เครื่องมือตามเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ


2.3 ฝึกสุขอนามัยช่องปาก
แปรงฟันอย่างถูกวิธี: พ่อแม่ควรเริ่มฝึกให้ลูกแปรงฟันให้สะอาดอย่างถูกวิธี และเริ่มใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันก่อนเริ่มจัดฟัน

เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด: ซื้อแปรงสีฟันสำหรับจัดฟัน (Orthodontic Brush) แปรงซอกฟัน และขี้ผึ้งจัดฟัน (Orthodontic Wax) ไว้ล่วงหน้า


3. การเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ (Logistics & Financial Preparation)

จัดเตรียมงบประมาณ: สอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรักษา ตั้งแต่ค่าเคลียร์ช่องปาก ค่าเครื่องมือ ค่าธรรมเนียมรายเดือน/รายครั้ง และค่ารีเทนเนอร์ เพื่อวางแผนการเงิน

ตารางนัดหมาย: เตรียมพร้อมสำหรับการนัดหมายที่บ่อยขึ้นในช่วงจัดฟัน (มักจะทุก 4-8 สัปดาห์) ซึ่งอาจต้องกระทบกับเวลาเรียนหรือเวลางานของผู้ปกครอง

เตรียมอาหารอ่อน: ในวันแรกที่ติดเครื่องมือหรือปรับเครื่องมือ ควรเตรียมอาหารอ่อนๆ ที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เช่น ซุป โจ๊ก โยเกิร์ต หรือไอศกรีม เพื่อลดอาการปวดฟันเมื่อมีการบดเคี้ยว

5
หมอประจำบ้าน: พิษปลาทะเล (Ciguatera)

ปลาทะเล เช่น ปลาสาก ปลาน้ำดอกไม้ ปลากะพง ปลานกแก้ว ปลากะรัง ปลาหมอทะเล เป็นต้น บางครั้งอาจมีพิษที่มีชื่อว่า ซิกัวท็อกซิน (ciguatoxin)* ทำให้เกิดพิษภัยแก่ผู้บริโภคได้

อาการเป็นพิษ ถ้าเกิดในเด็กจะมีความรุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่

ส่วนใหญ่จะเป็นไม่รุนแรง มีอัตราตายค่อนข้างน้อย

*ซิกัวท็อกซิน เป็นพิษที่สังเคราะห์โดยสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ที่มีชื่อว่า Gambierdiscus toxicus ซึ่งเป็นพืชเซลล์เดียว (dinoflagellate) ชนิดหนึ่ง ปลาที่กินสาหร่ายชนิดนี้เป็นอาหารก็จะมีการสะสมพิษในร่างกาย เมื่อปลาที่ใหญ่กว่ากินปลาที่มีพิษอยู่ (ตามห่วงโซ่อาหาร) ก็จะมีการสะสมพิษจำนวนมากขึ้น ดังนั้นยิ่งปลาตัวโตก็ยิ่งมีพิษมาก

พิษชนิดนี้ออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ กระตุ้นช่องทางโซเดียม (sodium channel) ของเซลล์ประสาท ทำให้มีการดูดกลับโซเดียมเข้าเซลล์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการของระบบประสาทและทางเดินอาหารเป็นสำคัญ

พิษมีความทนต่อความร้อน และมีมากในเครื่องในปลา

สาเหตุ

เกิดจากการบริโภคปลาทะเลพิษโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์


อาการ

มักเกิดหลังกินปลาทะเล (โดยเฉพาะปลาตัวโต) ประมาณ 2-6 ชั่วโมง (เร็วสุด 15 นาที นานสุด 30 ชั่วโมง)

อาการแรกเริ่มที่พบ คือ อาการแบบอาหารเป็นพิษทั่วไป ได้แก่ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน (ซึ่งอาจเป็นอยู่นาน 1-2 วัน)

ส่วนอาการทางระบบประสาทจะเกิดหลังกินปลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 3 วัน ได้แก่ อาการเวียนศีรษะ เห็นบ้านหมุน เดินเซ ปวดศีรษะ ปวดฟัน ปวดตามข้อ ปวดกล้ามเนื้อ รู้สึกเสียวแปลบ ๆ เหมือนถูกเข็มตำ (paresthesia) ที่บริเวณปากและลิ้น ปวดและเสียวแปลบ ๆ (painful paresthesia) ที่แขนขา และมือเท้า การรับรู้อุณหภูมิกลับตาลปัตร (ร้อนว่าเย็น เย็นว่าร้อน) กล้ามเนื้ออ่อนแรง

ถ้าเป็นรุนแรง อาจมีอาการหายใจไม่ได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต

นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการเหงื่อแตก น้ำลายไหล หายใจขัด หนาวสั่น

อาการทางระบบประสาทมักเป็นอยู่นานหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์ ในช่วงหลัง ๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการคันและสะอึกร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้ามีอาการอาเจียน หรือถ่ายท้องรุนแรง อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง หรือภาวะช็อกได้

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจหยุดหายใจ และเสียชีวิตได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

อาจพบภาวะขาดน้ำจากอาการอาเจียนและท้องเดิน

ตรวจพบอาการทางระบบประสาท เช่น อาการเสียวเเปลบ ๆ ที่ปาก ลิ้น แขนขา มือเท้า การรับรู้อุณหภูมิแบบกลับตาลปัตร (ซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะของโรคนี้) แขนขาอ่อนแรง อาจพบชีพจรเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาขั้นพื้นฐาน (อ่านเพิ่มเติมที่ "การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ" ด้านล่าง) และรับไว้รักษาในโรงพยาบาล เฝ้าติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด และให้การรักษาแบบประคับประคอง

ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ และให้ยาบรรเทาอาการ เช่น พาราเซตามอล บรรเทาปวดต่าง ๆ ยาแก้แพ้ บรรเทาอาการคัน อะมิทริปไทลีน บรรเทาอาการคันและความรู้สึกเสียวแปลบ ๆ เป็นต้น

ถ้ามีอาการชีพจรเต้นช้าให้อะโทรพีน

บางรายแพทย์อาจให้เมนนิทอล (mannitol) ในรูปสารละลาย 20% ช่วยลดอาการของระบบประสาท

ในกรณีที่เป็นรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจ (ซึ่งพบได้น้อย) ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่จะหายได้เป็นปกติ แต่อาจมีอาการอยู่นานหลายวันถึงหลายสัปดาห์กว่าจะหายสนิท ในรายที่เป็นรุนแรง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจไม่ได้ หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็มีโอกาสรอดชีวิตได้

การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ

1. ถ้าผู้ป่วยกินสัตว์หรือพืชพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และยังไม่อาเจียน รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยการให้ไอพีเเคกน้ำเชื่อมหรือใช้นิ้วล้วงคอ

2. ให้ผู้ป่วยกินผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1 แก้ว โดยให้ผู้ป่วยดื่มเอง ถ้าอาเจียนหรือดื่มเองไม่ได้ ให้ป้อนผ่านท่อสวนกระเพาะ (stomach tube) ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ควรใส่ท่อช่วยหายใจก่อนเพื่อป้องกันการสำลัก

ควรให้เร็วที่สุดเมื่อพบผู้ป่วย (วิธีนี้จะได้ผลมากที่สุดเมื่อให้กินภายใน 30 นาทีหลังกินสัตว์หรือพืชพิษ) ไม่ควรให้ก่อนหรือหลังให้ยาที่ทำให้อาเจียน

ในรายที่รับพิษร้ายเเรง เช่น ปลาปักเป้า แมงดาถ้วย เห็ดพิษร้ายแรง หรือสงสัยรับพิษปริมาณมาก ควรให้ซ้ำทุก 4 ชั่วโมง

3. ทำการล้างกระเพาะอาหารด้วยน้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำ

วิธีนี้จะได้ผลดี เมื่อผู้ป่วยกินสารพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และไม่มีอาการอาเจียน ถ้าทำหลังกินสารพิษมากกว่า 4 ชั่วโมง อาจไม่ได้ประโยชน์และไม่คุ้มกับผลข้างเคียง (ที่สำคัญคือ การสำลักเข้าปอดทำให้ปอดอักเสบ)

ควรกระทำโดยบุคลากรที่ชำนาญ และในที่ที่มีความพร้อม

ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก และห้ามทำในผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัว หมดสติ

อาจให้ผงถ่านกัมมันต์กินก่อนล้างกระเพาะ หรือผสมผงถ่านกัมมันต์ในน้ำล้างกระเพาะก็ได้

4. ให้ผู้ป่วยดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนต ขนาด 2-5% จำนวน 50 มล.

5. ให้กินยาระบาย ซอร์บิทอล (sorbitol) ขนาด 70% อาจกินเดี่ยว ๆ หรือผสมกับผงถ่านกัมมันต์แทนน้ำก็ได้ ถ้าไม่มีอาจให้ยาระบายอื่น ๆ เช่น ยาระบายแมกนีเซีย (Milk of Magnesia) แทน ให้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง

ห้ามทำ ในรายที่มีอาการถ่ายท้องมากอยู่แล้ว หรือมีภาวะขาดน้ำที่ยังไม่ได้รับการทดแทน

6. ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

7. ถ้าชักฉีดไดอะซีเเพม 5-10 มก.เข้าหลอดเลือดดำ

8. ถ้าหยุดหายใจหรือหายใจไม่ได้ ให้ทำการช่วยเหลือด้วยการเป่าปาก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ

9. ถ้าหมดสติ ให้การรักษาแบบหมดสติ


การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าผู้ป่วยเกิดอาการพิษปลาทะเล ควรทำการปฐมพยาบาลแล้วรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

การปฐมพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่กินสารพิษ สัตว์พิษ หรือพืชพิษ

1. รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อขับพิษออก

    ถ้ามียากระตุ้นอาเจียน ได้แก่ ไอพีแคกน้ำเชื่อม (syrup ipecac) ให้กินครั้งละ 15-30 มล. (เด็กโต 15 มล.) และดื่มน้ำตามไป 1 แก้ว ถ้ายังไม่อาเจียนใน 20 นาที กินซ้ำได้อีก 1 ครั้ง
    ถ้าไม่มียา ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1 แก้ว แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปเขี่ยที่ผนังลำคอกระตุ้นให้อาเจียน ถ้าไม่ได้ผลทำซ้ำอีกครั้ง

ควรเก็บเศษอาหารที่อาเจียน ไว้ส่งตรวจวิเคราะห์

วิธีนี้จะได้ผลดี ต้องรีบทำภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ และไม่ต้องทำหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเองอยู่แล้ว

ห้ามทำ ในผู้ป่วยที่ชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ หรือกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์ หรือสารพิษไม่ทราบชนิด

2. ถ้ามีผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ให้กินขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1/2-1 แก้ว เพื่อลดการดูดซึมสารพิษเข้าร่างกาย (ไม่ต้องทำถ้าผู้ป่วยกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์)

ถ้าไม่มีผงถ่านกัมมันต์ ให้กินไข่ดิบ 5-10 ฟอง หรือดื่มนมหรือน้ำ 4-5 แก้ว

3. สำหรับผู้ป่วยที่กินพาราควอต ให้กินสารละลายดินเหนียว (Fuller’s earth) โดยผสมผงดินเหนียว 150 กรัม หรือ 2 1/2 กระป๋อง ในน้ำ 1 ลิตร ถ้าไม่มีให้ดื่มน้ำโคลนดินเหนียวจากท้องร่องในสวน (ที่ไม่มีตะปูหรือเศษแก้ว หรือสารพิษตกค้าง) ซึ่งจะลดพิษของยานี้ได้

4. สำหรับผู้ที่กินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย ปลาทะเลพิษ หอยทะเลพิษ เห็ดพิษ ให้ดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนตขนาด 2-5% จำนวน 50 มล. (อาจเตรียมโดยผสมผงฟู 1-2.5 กรัม ในน้ำ 50 มล.) ซึ่งจะช่วยลดพิษของอาหารพิษได้

ห้ามทำ ข้อ 2-4 ถ้าผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ

5. ถ้าผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำ ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

6. ถ้าผู้ป่วยชักหรือหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยชัก (อ่านใน "โรคลมชัก" เพิ่มเติม) หรือหมดสติ (อ่านใน "อาการหมดสติ" เพิ่มเติม)

7. รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ควรนำสารพิษที่ผู้ป่วยกินหรืออาเจียนออกมาไปให้แพทย์ตรวจวิเคราะห์ด้วย


การป้องกัน

หลีกเลี่ยงการกินปลาทะเลตัวโต น้ำหนักมากกว่า 2-3 กก. โดยเฉพาะเครื่องในปลา ไม่ว่าจะปรุงหรือทำให้สุกด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม


ข้อแนะนำ

1. หลังจากอาการทุเลาแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการกินปลาและหอยทะเลอีก (เพราะอาจได้รับพิษเข้าไปซ้ำเติมอีก) จนกว่าจะหายเป็นปกติแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาประเภทฝิ่น และบาร์บิทูเรต ซึ่งจะทำให้อาการแย่ลงได้

2. โรคนี้มีอาการแบบอาหารเป็นพิษทั่วไป แต่จะมีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย คือ รู้สึกเสียวแปลบ ๆ ที่บริเวณปาก ลิ้น แขนขา และการรับรู้อุณหภูมิแบบกลับตาลปัตร ดังนั้น ถ้ากินปลาทะเลแล้วมีอาการอาเจียน ท้องเดิน และมีอาการดังกล่าวร่วมด้วย ควรรีบไปรักษาที่โรงพยาบาล

6
รถรับจ้างใกล้ฉัน จังหวัดอุบล ย้ายภายใน ขนไปต่างจังหวัด ยินดีให้บริการทุกการขนย้าย

รถรับจ้างจังหวัดอุบลราชธานี

เมื่อพูดถึงการขนย้ายของหรือย้ายที่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายภายในจังหวัดอุบลราชธานีหรือต้องการขนส่งไปยังจังหวัดอื่น ความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมองหาขนส่ง เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี ด้วยบริการ รถรับจ้างจังหวัดอุบลราชธานี ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตั้งแต่การขนย้ายของใช้ส่วนตัว ย้ายบ้าน สำนักงาน หรือแม้กระทั่งการขนส่งสินค้าระหว่างจังหวัด เราพร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ โดยคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญค่ะ

   
รถรับจ้างอุบลราชธานี

ขนส่ง ภูมิใจนำเสนอการบริการที่ครอบคลุมและเชื่อถือได้ โดยทีมงานที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการขนย้ายของทุกรูปแบบ เรามีรถรับจ้างหลากหลายขนาดเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายภายในจังหวัดอุบลราชธานีหรือการขนส่งข้ามจังหวัด เรามุ่งมั่นในการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยมีมาตรฐานการทำงานสุงสุด เพื่อให้คุณมั่นใจว่าการขนย้ายจะถึงที่หมายอย่างสมบูรณ์และตรงเวลา นอกจากนี้ เรายังมีการตรวจสอบสภาพรถและการฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้บริการที่ดีที่สุด ไม่ว่าการขนย้ายของคุณจะเป็นอะไร ทีมงานของขนส่ง พร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนการขนย้ายไปจนถึงการติดตามการขนส่ง เราเชื่อว่าความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเรามุ่งหวังที่จะสร้างความประทับใจให้กับคุณทุกครั้งที่มีการขนย้ายค่ะ

   
รถรับจ้างอุบลราชธานี ไปต่างจังหวัด

การเลือกใช้บริการรถรับจ้างสำหรับการขนย้ายของ ไปไกลๆ หรือไปยังต่างจังหวัดนั้น เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากการขนย้ายระยะทางไกลมีข้อพิจารณาหลายประการที่อาจส่งผลต่อค่าใช้จ่าย การเลือกประเภทและขนาดของรถรับจ้างที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก การเลือกรถที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้ของของคุณถูกจัดเรียงไม่ดี อาจทำให้เกิดความเสียหายระหว่างการขนส่งได้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณาคือประเภทของรถรับจ้าง เช่น รถขนของขนาดใหญ่ รถสิบล้อ รถหกล้อ หรือรถกระบะ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีค่าใช้จ่ายและความสามารถในการขนย้ายที่แตกต่างกัน การเลือกใช้รถที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้คุณต้องจ่ายค่ารถเพิ่มเติม เช่น ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายหลายรอบ การวางแผนและเลือกบริการรถรับจ้างที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การขนย้ายของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เกิดความเสียหาย และค่าใช้จ่ายไม่เกินความจำเป็นค่ะ

   
รถรับจ้างอุบลราชธานี ราคาถูก

การจองบริการ รถรับจ้างอุบลราชธานี ล่วงหน้าคือวิธีที่สามารถช่วยให้คุณได้รับราคาที่ถูกลงและจัดการการขนย้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การจองล่วงหน้ามีข้อดีหลายประการที่สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกในการขนย้าย ดังนี้ค่ะ

    ควบคุมค่าใช้จ่าย : เมื่อคุณจองบริการรถรับจ้างล่วงหน้า บางบริษัทอาจมีข้อเสนอหรือส่วนลดพิเศษสำหรับการจองล่วงหน้า การวางแผนล่วงหน้าให้คุณมีโอกาสเปรียบเทียบราคาและเลือกบริการที่มีความคุ้มค่าที่สุด นอกจากนี้ การจองล่วงหน้าช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นจากการจองในช่วงที่มีความต้องการสูง เช่น วันหยุดยาวหรือช่วงเทศกาล
    ความยืดหยุ่นในการจัดการ : การจองล่วงหน้าให้คุณสามารถกำหนดวันและเวลาที่ต้องการขนย้ายได้ตามความสะดวกของคุณเอง ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและความเร่งรีบในการจัดการขนย้าย ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือปัญหาเกิดขึ้น คุณจะมีเวลามากขึ้นในการจัดการและปรับเปลี่ยนแผนได้
    การเลือกบริการที่ดี : เมื่อคุณทำการจองล่วงหน้า คุณมีเวลามากขึ้นในการค้นคว้าและเปรียบเทียบบริการของบริษัทต่างๆ ทำให้คุณสามารถเลือกบริษัทที่มีบริการตรงตามความต้องการและมีความเชี่ยวชาญในด้านการขนย้ายได้ดียิ่งขึ้น
    ความพร้อมของรถและทีมงาน : การจองล่วงหน้าเพิ่มโอกาสให้คุณได้เลือกประเภทของรถที่ตรงตามความต้องการและทีมงานที่มีความพร้อมในการให้บริการ การมีรถที่พร้อมใช้งานและทีมงานที่มีประสบการณ์จะช่วยให้การขนย้ายเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การจองบริการรถรับจ้างล่วงหน้าจึงเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกในการขนย้าย รถรับจ้างอุบลราชธานี ราคาถูก สิ่งสำคัญคือการวางแผนล่วงหน้าให้ดีและเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อให้การขนย้ายของคุณเป็นไปตามแผนและตรงตามความต้องการของคุณค่ะ

7
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไป อย่างไรบ้าง

หลายคนที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างและลักษณะของฟัน ก็เลือกใช้วิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการเข้ารับการจัดฟัน เพราะการจัดฟัน สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งการจัดฟันนั้น ก็มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งวิธีการรักษาและผลการรักษา การจัดฟันแบบใส่เครื่องมือแบบติดแน่น ที่หลายคนมักจะพบเห็นได้บ่อย เพราะเป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น เรียกได้ว่าเป็นเทรนยอดฮิตเลยทีเดียว

แต่การจัดฟันในรูปแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะช่วยแก้ไขปัญหารูปร่างของฟันได้อย่างดี แต่ก็ยังมีข้อเสียก็คือ การจัดฟันแบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีปัญหาในเรื่องของกลิ่นปากได้ง่าย เพราะด้วยเครื่องมือที่ติดแน่นก็อาจจะทำให้เศษอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวันอาจจะเข้าไปติดอยู่ในช่องปากได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปากและการเกิดปัญหาฟันผุได้ ดังนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันจึงจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดีเป็นพิเศษ และที่สำคัญควรที่จะใช้น้ำยาบ้วนปากร่วมด้วย เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นปากและทำความสะอาดในส่วนที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง

นอกจากนี้ ในเรื่องของการรับประทานอาหาร ของผู้เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไป ก็จะต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษด้วย เพราะเครื่องมือที่อยู่ภายในช่องปากของเราอาจจะเกิดการหลุดขณะรับประทานอาหารด้วย ดังนั้น เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีความอ่อนนุ่ม เพื่อป้องกันปัญหาการหลุดของเครื่องมือ  นี่ถือเป็นปัญหาคร่าวๆที่ผู้เข้ารับการจัดฟันมักจะพบเจอได้บ่อย แต่ขณะเดียวกัน ในวงการทันตกรรมก็มีการจัดฟันอีกหนึ่งรูปแบบนั่นก็คือ การเข้ารับการจัดฟันแบบใส ซึ่งเป็นการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราน้อยมาก จนแทบจะใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยทีเดียว

วันนี้เราจะมาพูดถึงความแตกต่างของการเข้ารับการจัดฟันแบบใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่นกับการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ว่ามีข้อแตกต่างอย่างไรบ้าง เผื่อใครที่อยากจะเข้ารับการจัดฟันและกำลังจะตัดสินใจว่าจะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบไหนดี เพื่อให้เหมาะสมกับไลพ์สไตล์ของเราและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เรากลับมามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันทั้งสองรูปแบบ เริ่มจากการจัดฟันแบบทั่วไป ที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ก็มีเรื่องของเครื่องมือที่อยู่ภายในช่องปาก ที่อาจจะทำให้เรามีปัญหาในเรื่องของการพูด การออกเสียง อาจจะทำให้พูดไม่ชัด ทำให้เสียบุคลิกภาพได้ แต่ในการจัดฟันแบบใส ปัญหาเหล่านี้แทบจะไม่เกิดขึ้นเลย

เพราะ เครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลเพื่อให้สวมใส่เครื่องมือได้อย่างพอดี   แต่ก็มีข้อเสียนั่นก็คือ ด้วยการที่จัดฟันแบบใส สามารถถอดออกได้ อาจจะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันเผลอลืมเครื่องมือ เสี่ยงต่อการสูญหายได้ ดังนั้น ความต่างอีกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ เรื่องของเครื่องมือที่สามารถถอดออกได้ ทำให้สามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่กว่าผู้เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไปที่จะต้องระวัดระวัง ส่วนในเรื่องของการทำความสะอาด ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ เพราะสามารถถอดเครื่องมือออกได้ จึงทำให้สามารถแปรงฟันได้ทุกซอกทุกมุม เสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันอีกด้วย ป้องกันการเกิดฟันผุและปัญหาฟันในเรื่องอื่นๆด้วย เพียงเท่านี้เราก็จะเห็นความแตกต่างของการจัดฟันแบบทั่วไปและการจัดฟันแบบใสแล้ว เพราะมีความต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ทำให้คลินิกของเรามีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันของทุกคนด้วยมาตรฐานสากลและจะมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ช่วยทำให้คุณมีฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น

8
สิ่งที่ควรทราบก่อนเช็คราคา บริการรถรับจ้างขนย้ายพังงา รถรับจ้างราคาถูก

การขน ย้ายบ้าน หรือ ขนส่งสินค้า อาจเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่การเลือก บริการรถรับจ้างขนย้ายพังงา เป็นสิ่งสำคัญที่จะประหยัดเวลาและทรัพยากรต่างๆ ดังนั้นก่อนที่จะเช็คราคาบริการรถรับจ้างในพังงา ควรทราบข้อมูลต่อไปนี้เพื่อทำให้กระบวนการเลือกบริการเป็นไปได้ด้วยความราบรื่นและประหยัดเวลา

1. ปริมาณทรัพยากรที่ต้องการขนย้าย

ก่อนที่จะเช็คราคาบริการรถรับจ้าง ควรประเมินปริมาณของทรัพยากรที่ต้องการขนย้าย เช่น ขนาดของทรัพยากร ปริมาตร และน้ำหนัก เนื่องจากสิ่งนี้จะมีผลต่อราคาขนส่งที่เกี่ยวข้อง การรู้ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้การเช็คราคาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2. ระยะทางและเส้นทางการขนย้าย

ควรทราบระยะทางที่ต้องการขนย้ายและเส้นทางที่วางแผนไว้ ระยะทางยาวหรือการเดินทางที่ซับซ้อนอาจมีผลต่อราคาบริการ รวมทั้งปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง

3. การเลือกบริการที่เหมาะสม

มีหลายประเภทของบริการรถรับจ้างขนย้าย แต่ละบริการมีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่นบริการตู้ทึบ บริการขนย้ายสินค้าแยกแบบ หรือบริการรถขนาดใหญ่ที่ให้บริการขนย้ายสินค้าในปริมาณมาก การเลือกบริการที่เหมาะสมกับความต้องการจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

4. ประสบการณ์และการรีวิว

การตรวจสอบประสบการณ์และรีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการรถรับจ้างในพังงามีความสำคัญมาก ทำให้คุณได้รับมุมมองที่แท้จริงเกี่ยวกับคุณภาพของบริการ และสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

5. การเช็คความปลอดภัยและประกัน

ควรทราบถึงการประกันและมาตรฐานความปลอดภัยที่บริษัทรถรับจ้างนั้นมี การเลือกบริการที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงจะช่วยป้องกันความเสี่ยงในการขนย้ายทรัพยากรของคุณ

6. การเช็คค่าบริการและบริการเพิ่มเติม

ควรเช็คค่าบริการทั้งหมดที่รวมอยู่ในราคา และบริการเพิ่มเติมที่อาจเสริมค่าให้กับคุณ เช่นบริการบรรจุภัณฑ์ บริการจัดส่งแบบพิเศษ หรือบริการเก็บเงินปลายทาง

7. การตรวจสอบเอกสารและเงื่อนไข

ควรทราบถึงเอกสารที่ต้องการในกระบวนการขนย้ายและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง เช่นใบรับรองการขนส่ง สัญญาและข้อกำหนดเฉพาะที่อาจมีผลต่อการให้บริการ

8. การเช็คระยะเวลาในการขนย้าย

ระยะเวลาที่ใช้ในการขนย้ายสินค้าก็มีความสำคัญ เนื่องจากอาจมีความต้องการในการรับหรือส่งสินค้าในระยะเวลาที่มีการกำหนด เช็คระยะเวลาที่บริษัทรับจ้างรถขนส่งนั้นจะใช้ในการขนย้าย

9. การทดสอบการติดต่อ

ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกบริการ ควรทดสอบการติดต่อกับบริษัทรถรับจ้าง ดูว่ามีการตอบรับอย่างรวดเร็วและให้ข้อมูลที่ตรงตามความต้องการหรือไม่

10. การเช็คราคาโปรโมชั่นและส่วนลด

ไม่ลืมตรวจสอบหากมีโปรโมชั่นหรือส่วนลดใดๆ ที่สามารถให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้ เช่นการจองล่วงหน้าหรือการใช้บริการในช่วงเวลาที่มีการลดราคา

การทราบข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการเช็คราคา บริการรถรับจ้างขนย้ายพังงา เป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณได้รับบริการที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของคุณในการขนย้ายทรัพยากรของคุณที่ปลอดภัยและประสบความสำเร็จ
บริการรถรับจ้างขนย้ายพังงา คำนวณราคาและรายละเอียดเพิ่มเติม

การขนย้ายทรัพยากรหรือของภายในพังงามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการเลือกบริการรถรับจ้างที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ขนส่ง ดังนั้น คำนวณราคาและทราบรายละเอียดต่างๆ ด้านล่างเพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจในการเลือกบริการ


คำนวณรถกระบะรับจ้าง

ขนย้ายภายในกรุงเทพหรือขนย้ายไปต่างจังหวัด จะมีราคาเริ่มต้น ไม่รวมคนยก จะได้แก่

0-20 กม. ราคากิโลเมตรละ 20-25 บาท

20-50 กม. ราคากิโลเมตรละ 25-30 บาท

50-100 กม. ราคากิโลเมตรละ 28-30 บาท

101-200 กม. ราคากิโลเมตรละ 18-20 บาท

201-250 กม. ราคากิโลเมตรละ 15-25 บาท

251-300 กม. ราคากิโลเมตรละ 13-15 บาท

301 ขึ้นไป กม. ราคากิโลเมตรละ 13-15 บาท

คำนวณค่าบริการ รถ6ล้อรับจ้าง

ขนย้ายภายในกรุงเทพหรือขนย้ายไปต่างจังหวัด จะมีราคาเริ่มต้นที่ 2000 บาท ไม่รวมคนยก จะได้แก่

0-20 กม. ราคาประมาณ 2000-3000 บาท

21-50 กม. ราคาประมาณ 3000-4000 บาท

51-100 กม. ราคาประมาณ 4000-4500 บาท

101-200 กม. ราคาประมาณ 4500-6000 บาท

201-300 กม. ราคาประมาณ 6000-7000 บาท

301 ขึ้นไป กม. ราคาประมาณ 7000-xxxx บาท


ทีมงานของเรายินดีให้คำปรึกษาและบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ อย่าลังเลที่จะโทรหาเราเมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือในการขนย้ายของ


ปัจจัยที่มีผลต่อการคำนวณราคา บริการรถรับจ้างขนย้ายพังงา

การคำนวณราคาบริการรถรับจ้างขนย้ายมีผลต่อโดยมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อราคาที่ลูกค้าต้องจ่าย ดังนี้

    ระยะทาง : ระยะทางที่ต้องการขนย้ายมีผลโดยตรงต่อราคา ยิ่งระยะทางยาว เส้นทางที่ซับซ้อน ราคาก็จะสูงขึ้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการทำการขนย้ายที่มากขึ้น
    ปริมาณของสินค้า : ปริมาณของสินค้าที่ต้องการขนย้ายมีผลต่อราคา ยิ่งมีปริมาณมาก ราคาก็จะสูงขึ้น เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นในการดำเนินการ
    ประเภทของรถ : ประเภทของรถที่ใช้ในการขนย้ายมีผลต่อราคา รถกระบะมักมีราคาต่ำกว่ารถ 6 ล้อ เนื่องจากความจุขนาดของรถและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
    เส้นทางการขนย้าย : เส้นทางที่ถูกเลือกมีผลต่อราคา การเลือกเส้นทางที่สะดวกและรวดเร็วมักมีราคาต่ำกว่าเส้นทางที่ซับซ้อนและล่าช้า
    เวลาที่กำหนด : การขนย้ายในช่วงเวลาที่ต้องการมักมีราคาสูงขึ้น เช่นในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูงหรือในวันหยุด
    ค่าบริการเพิ่มเติม : บางบริษัทอาจมีค่าบริการเพิ่มเติม เช่น บริการบรรจุภัณฑ์ บริการยกของ หรือบริการพิเศษอื่น ๆ ซึ่งอาจมีผลต่อราคา
    โปรโมชั่นและส่วนลด : บางครั้ง บริษัทอาจมีโปรโมชั่นหรือส่วนลดที่สามารถลดราคาได้ โปรโมชั่นและส่วนลดเหล่านี้อาจมีผลต่อราคาที่คุณจ่าย

การเข้าใจและพิจารณาปัจจัยทั้งหลายนี้จะช่วยให้คุณทราบถึงว่าราคาที่คุณได้รับเป็นไปตามความเหมาะสมและประสบความสำเร็จในการขนย้ายของรถขนของย้ายบ้าน ไปต่างจังหวัด

การเลือกบริการรถรับจ้างเพื่อขนย้ายทรัพยากรหรือของในพังงาต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้กระบวนการเลือกที่ถูกต้องและประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ควรทราบก่อนเช็คราคารวมถึงปริมาณทรัพยากรที่ต้องการขนย้าย ระยะทางและเส้นทางการขนย้าย การเลือกบริการที่เหมาะสม ประสบการณ์และรีวิวจากลูกค้า ความปลอดภัยและประกัน ราคาและบริการเพิ่มเติม เอกสารและเงื่อนไข ระยะเวลาในการขนย้าย การติดต่อ ราคาโปรโมชั่นและส่วนลด เบอร์ติดต่อสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือการสอบถามเพื่อปรับราคาตามความต้องการ ทำให้กระบวนการเลือก บริการรถรับจ้างขนย้ายพังงา เป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจมากยิ่งขึ้น

9
อาหารสายยาง อาหารปั่นผสม สะอาด ปลอดภัย ไร้สารปนเปื้อน

อาหารการกินของผู้ป่วยเรียกว่า เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต้องมีความสะอาด และเมื่อรับประทานไปแล้ว จะไม่ส่งผลเสียต่อรางกาย เช่นเดียวกับอาหารปั่นผสม ก็ต้องมีความสะอาด ไม่มีสารปนเปื้อนเพราะผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ ต้องได้รับอาหารที่ครบห้าหมู่ และต้องถูกสุขลักษณะ

วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ต้องมีความสะอาด และต้องปรุงสุกเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดสารปนเปื้อนหรือเชื้อโรคในอาหาร และยังไม่ใช้สารกันบูดในอาหาร แต่สามารถทำให้อาหารปั่นผสมอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง

แต่อย่างไรก็ตาม อาหารปั่นผสม ถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับมาตรฐานในการผลิตเป็นอย่างมาก เพราะผลิตในห้องปลอดเชื้อของโรงพยาบาล จึงมั่นใจได้ว่า จะสะอาดและปลอดภัย ไร้สารปนเปื้อนแน่นอน


การพัฒนาสูตรอาหารปั่นผสม

อาหารปั่นผสมเราจะมีการพัฒนาสูตรอาหารอยู่เสมอ เนื่องจากเราผลิตอาหารปั่นผสมจากคำสั่งของแพทย์และมีนักโภชนาการดูแลทุกขั้นตอนการผลิต หรือบางทีอาจจะมีการผลิตจากคำสั่งของผู้ป่วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการปรึกษาในเรื่องของสูตรหรือสารอาหารที่ผู้ป่วยต้องได้รับ

นอกจากนี้ ทางเรามีการคิดค้นและพัฒนาสูตรอาหารปั่นผสมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้อาหารปั่นผสมได้รับความยอมรับจากผู้ป่วย แต่เราก็ยังต้องอยู่ภายใต้ของคำสั่งของแพทย์และมีนักโภชนาการควบคุมการผลิต

จึงมั่นใจได้ว่า การพัฒนาสูตรอาหารปั่นผสม มีประสิทธิภาพและมีความครบถ้วนในเรื่องของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของผู้ป่วย และหลีกเลี่ยงในการใช้วัตถุดิบที่จะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแพ้อาหารเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนด้วย

การผลิตที่ได้มาตรฐานของอาหารปั่นผสม

กระบวนการผลิตอาหารปั่นผสมต้องใช้เครื่องมือที่สะอาด เพราะเนื่องจากเราใช้ในการผลิตอาหารจึงต้องคำนึงถึงความสะอาดเป็นหลัก จึงใช้เครื่องมือและเครื่องจักรที่ได้มาตรฐานและทันสมัยในการผลิต

อาหารปั่นผสม จึงมีประสิทธิภาพและรับประทานง่าย เวลาที่ต้องใช้อาหารผู้ป่วยทางสายยางจะไม่ติดขัดและสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งนี้เราใช้กรรมวิธีการผลิตที่คำนึงถึงความสะอาด อาหารมีความละเอียด และใช้การปรุงเป็นต้มสุก จึงไร้กังวลได้เลยว่า อาหารมีความปลอดภัยและสะอาด

ทางเราใช้วัตถุดิบที่สะอาด โดยหลักๆเป็นอาหารทางการเกษตร ปราศจากสารเคมี เมื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารที่สะอาดและปลอดภัยมากที่สุด

10
หมอประจำบ้าน: ต้อกระจก (Cataract)

ต้อกระจก เป็นภาวะที่แก้วตาหรือเลนส์ตา (lens) ภายในลูกตามีลักษณะขุ่นขาวขึ้นจากปกติที่มีลักษณะโปร่งใสเหมือนกระจก อาจมีลักษณะขุ่นที่ตรงกลาง (nuclear cataracts) หรือขอบ ๆ (cortical cataracts) หรือด้านหลังของแก้วตา (posterior subcapsular cataracts)

เมื่อแก้วตาขุ่นขาวก็มีลักษณะทึบแสง ไม่ยอมให้แสงผ่านเข้าสู่ลูกตาไปรวมตัวที่จอตา (เรตินา) ทำให้เกิดอาการสายตาฝ้าฟาง หรือสายตามัวคล้ายเห็นมีหมอกบัง

พบมากในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คนอ้วน ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันนาน ๆ ผู้ที่สัมผัสถูกแสงแดด สูบบุหรี่หรือดื่มสุราจัดเป็นประจำ และอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคตาชนิดอื่น ๆ

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะเสื่อมตามวัย ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีจะเป็นต้อกระจกแทบทุกราย แต่อาจเป็นมากน้อยต่างกันไป เรียกว่า ต้อกระจกในผู้สูงอายุ (senile cataract)

นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดต้อกระจกก่อนวัยสูงอายุ เช่น

    การมีโรคเรื้อรังประจำตัว (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง) หรือมีภาวะอ้วน
    การถูกแสงแดด (รังสีอัลตราไวโอเลต)
    ความผิดปกติของตา (เช่น สายตาสั้นชนิดรุนแรง ม่านตาอักเสบ ต้อหิน) การได้รับบาดเจ็บ การกระทบกระเทือนที่ตาอย่างรุนแรง หรือการผ่าตัดตา
    การใช้ยา ที่พบบ่อย ได้แก่ การใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันนาน ๆ ทั้งชนิดกิน ชนิดหยอดตา ชนิดทา และชนิดสูดพ่น
    การถูกรังสีบริเวณตานาน ๆ เช่น ผู้ที่เป็นมะเร็งที่เบ้าตาเมื่อรักษาด้วยรังสีบ่อย ๆ
    การสูบบุหรี่ หรือดื่มสุราจัด
    ในเด็กอาจเป็นมาแต่กำเนิด อาจมีสาเหตุจากติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา (เช่น ทารกที่เป็นหัดเยอรมัน หรือซิฟิลิสแต่กำเนิด) หรือเกิดจากโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ (เช่น โรคกาแล็กโทซีเมีย, โรคเท้าแสนปมชนิดที่ 2) หรือกลุ่มอาการดาวน์ (Down’s syndrome เป็นโรคปัญญาอ่อนชนิดหนึ่งซึ่งทารกมีโครโมโซมที่ผิดปกติ)
    เด็กที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (atopic dermatitis) อาจพบว่าเป็นต้อกระจกตั้งแต่อายุ 20-40 ปี ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากตัวโรคเอง หรือเกิดจากการใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันนาน ๆ ก็ได้

อาการ

ในระยะเริ่มแรกผู้ป่วยจะรู้สึกมีอาการตามองเห็นเหมือนมีหมอกจาง ๆ บังตาเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ต่อมาสายตาจะค่อย ๆ มัวมากขึ้น และขยายพื้นที่ที่เห็นเหมือนหมอกบังมากขึ้นโดยไม่มีอาการเจ็บปวดหรือตาแดงแต่อย่างใด   

ผู้ป่วยจะรู้สึกตอนกลางคืนสายตาจะมัวมาก การอ่านหนังสือหรือทำงานที่ต้องใช้สายตาต้องใช้แสงที่สว่างมากขึ้น หรืออาจต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อย   

นอกจากนี้ ยังอาจมี อาการมองในที่มืดชัดกว่าที่สว่าง* หรือถูกแสงสว่างจะรู้สึกตาพร่ามัว สู้แสงไม่ได้ มองเห็นภาพสีซีดกว่าปกติหรือเป็นสีเหลือง มองเห็นแสงไฟกระจาย (โดยเฉพาะขณะขับรถในตอนกลางคืน) หรือมองเห็นเป็นวงแหวนรอบแสงไฟ บางคนอาจมีอาการมองเห็นภาพซ้อน

อาการตามัวจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ กินเวลาเป็นแรมเดือนแรมปี จนในที่สุดเมื่อแก้วตาขุ่นขาวมากขึ้น ก็จะมองภาพ (เช่น ตัวเลข ตัวหนังสือ หน้าคน) ไม่ชัด

สำหรับต้อกระจกในผู้สูงอายุ มักจะเป็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง แต่จะสุกไม่พร้อมกัน หรือข้างหนึ่งมีอาการมากกว่าอีกข้างหนึ่ง

*สำหรับต้อกระจกในผู้สูงอายุในระยะแรก แก้วตามักจะขุ่นขาวเฉพาะบริเวณตรงกลาง เมื่อมองในที่มืดรูม่านตาจะขยาย เปิดทางให้แสงผ่านเข้าแก้วตาส่วนรอบนอกที่ยังใสเป็นปกติ จึงทำให้เห็นภาพได้ชัด แต่เมื่อมองในที่สว่างรูม่านตาจะหดเล็กลง แสงสว่างจะผ่านเฉพาะแก้วตาส่วนตรงกลางที่ขุ่นขาวทำให้พร่ามัว


ภาวะแทรกซ้อน

เมื่อต้อสุกและไม่ได้รับการผ่าตัดจะทำให้ตาบอดสนิท

ในบางรายแก้วตาอาจบวม หรือหลุดลอยไปอุดกั้นทางระบายของเหลวในลูกตา ทำให้ความดันภายในลูกตาสูงขึ้น จนกลายเป็นต้อหินได้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาอย่างรุนแรง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

การตรวจดูตาจะพบแก้วตามีลักษณะขุ่นขาว เวลาใช้ไฟส่องผู้ป่วยจะรู้สึกตาพร่า

การใช้เครื่องส่องตา (ophthalmoscope) ตรวจดูจะไม่พบปฏิกิริยาสะท้อนสีแดง (red reflex)

แพทย์จะใช้เครื่องตรวจวัดสายตา ความดันลูกตา จอประสาทตา และการตรวจสุขภาพตา ซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน

บางครั้งแพทย์อาจให้ยาหยอดตาขยายรูม่านตา เพื่อเปิดมุมกว้างสำหรับการตรวจภายในลูกตาได้ละเอียด อาจทำให้เห็นแสงจ้า หรือรู้สึกตาพร่ามัวอยู่สักพักใหญ่ และจะหายดีหลังจากยาหมดฤทธิ์


การรักษาโดยแพทย์

ถ้าอาการยังไม่มาก แพทย์จะแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับการดูแลตนเองของผู้ป่วย ตัดแว่นสายตาใหม่ให้ผู้ป่วยใส่เพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น และนัดผู้ป่วยมาติดตามตรวจดูอาการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะ (ทุก 6-12 เดือน)

แพทย์จะทำการผ่าตัดต้อกระจกเมื่อผู้ป่วยมีสายตามัวจนดำเนินชีวิตประจำวันได้ไม่สะดวก เช่น การอ่านหนังสือ การทำงานที่ต้องใช้สายตา การเดินทาง การขับรถ เป็นต้น

ส่วนในทารกที่เป็นต้อกระจกมาแต่กำเนิด อาจต้องผ่าตัดเมื่ออายุได้ 6 เดือน เพื่อป้องกันมิให้ประสาทตาเสื่อม

ในปัจจุบันจักษุแพทย์นิยมทำการผ่าตัดโดยวิธีสลายต้อด้วยคลื่นความถี่สูงหรืออัลตราซาวนด์ (phacoemulsification) ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่มีอาการไม่มาก หรือตั้งแต่ระยะไม่นานหลังตรวจพบว่าเป็นโรคนี้

การผ่าตัดโดยวิธีนี้ แพทย์จะใช้คลื่นความถี่สูงทำให้เนื้อเลนส์ (แก้วตา) สลายตัวและดูดออก แล้วใส่เลนส์เทียม (ซึ่งสามารถใช้งานได้ตลอดชีวิต) เข้าไปแทนในถุงหุ้มเลนส์เดิม* เรียกว่า "การฝังเลนส์เทียม (Intraocular lens implantation)" โดยมีเลนส์เทียมอยู่หลายชนิด แพทย์จะเลือกใช้เลนส์เทียมชนิดที่เหมาะกับระดับสายตาและการใช้งานของผู้ป่วยซึ่งได้ผ่านการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดก่อนผ่าตัด หลังผ่าตัดผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นสายตา

  การผ่าตัด ใช้วิธีฉีดยาชาที่บริเวณรอบดวงตา แผลผ่าตัดเล็กมากซึ่งไม่ต้องเย็บแผล ใช้เวลาน้อยกว่า 1 ชั่วโมง ไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล และสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

        สำหรับผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกทั้ง 2 ข้าง แพทย์จะทำการผ่าตัดทีละข้าง โดยการผ่าตัดข้างที่ 2 ทิ้งช่วงให้ข้างแรกที่ผ่าหายดีเสียก่อน (แผลผ่าตัดมักจะหายดีภายใน 8 สัปดาห์) บางรายแพทย์อาจทำการผ่าตัดทั้ง 2 ข้างในครั้งเดียวกัน ซึ่งจำเป็นต้องมีคนดูแลหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด

ผลการรักษา การผ่าตัดด้วยวิธีนี้มีความปลอดภัยสูง และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นสายตาให้กลับมามองเห็นชัดเช่นคนปกติทั่วไป และตาข้างที่ผ่าตัดแล้วไม่เป็นต้อกระจกซ้ำอีก

ส่วนภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดมีน้อยมากและมักแก้ไขได้ เช่น การติดเชื้อ การมีเลือดออกในลูกตา ภาวะถุงเลนส์ตาขุ่นหลังผ่าตัดต้อกระจก (posterior capsule opacification ซึ่งส่งผลให้การมองเห็นพร่ามัว) ภาวะจอตาลอก (retinal detachment) เป็นต้น   

*วิธีนี้จะไม่รอจนต้อสุกแบบวิธีผ่าตัดแบบเก่า เพราะถุงหุ้มเลนส์อาจเสื่อมจนใช้งานไม่ได้ จึงนิยมผ่าตัดในระยะที่เริ่มเป็นต้อกระจกได้ไม่นาน


การดูแลตนเอง

หากมีอาการสายตาพร่ามัว มองเห็นคล้ายมีหมอกบังตา หรือมองเห็นแสงสีที่ผิดไปจากปกติ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อแพทย์ตรวจพบว่าเป็นต้อกระจก ควรดูแลรักษา ดังนี้

1.  ระยะก่อนผ่าตัด

    รักษา ใส่แว่นสายตา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามดูอาการเปลี่ยนแปลงตามที่แพทย์นัด
    สวมแว่นกันแดด (รังสีอัลตราไวโอเลต) เวลาออกกลางแดด
    เวลาอยู่ในบ้านเพิ่มแสงสว่างให้เห็นชัด
    เวลาอ่านหนังสือ ใช้แว่นขยายช่วยตามความจำเป็น
    หลีกเลี่ยงการขับรถตอนกลางคืน
    หลีกเลี่ยงการซื้อยากินและยาหยอดตามาใช้เอง เพราะยังไม่มียาที่ใช้รักษาต้อกระจกให้หายได้ ยกเว้นการผ่าตัด 
    ถ้ามีอาการปวดตา ตาแดง ตาแฉะ เคืองตา หรือแสบตา ควรปรึกษาแพทย์ ในรายที่ตรวจพบว่ามีอาการแสบตา เคืองตาจากภาวะตาแห้งซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ แพทย์จะให้น้ำตาเทียมหยอดตา 


2.  ระยะหลังผ่าตัด

    รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เช่น นั่ง ยืน เดิน ออกกำลังกายเบา ๆ ไม่หักโหม อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ กินอาหารได้ตามปกติ อาบน้ำได้ (ยกเว้นส่วนใบหน้าและศีรษะ) สระผมได้ (แต่ควรสระที่ร้านสระผม) ระวังอย่าให้น้ำเข้าตา จนกว่าแผลจะหายสนิท ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังผ่าตัด   
    หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเบ่ง (เช่น การยกของหนัก การวิดพื้น การเบ่งอุจจาระแรง ๆ) และการไอหรือจามแรง ๆ ถ้ามีอาการไอมากควรพบแพทย์สั่งยาแก้ไอให้ เวลาจามควรอ้าปากจาม
    ห้ามให้น้ำเข้าตา ประมาณ 3-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ควรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดให้หมาดเช็ดหน้าแทนการล้างหน้า และทำความสะอาดตาข้างที่ผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์หรือพยาบาลทุกวัน โดยใช้น้ำเกลือและชุดเช็ดตาที่ทางโรงพยาบาลจัดให้
    ห้ามขยี้ตาหรือกระทบกระเทือนรุนแรงบริเวณดวงตาข้างที่ผ่าตัด ประมาณ 3-4 สัปดาห์ ควรป้องกันเหตุดังกล่าวด้วยการใช้ที่ครอบตาพลาสติกปิดตา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเข้านอนทุกคืน) ในเวลากลางวันหากไม่สะดวกที่จะใช้ที่ครอบตา สามารถสวมแว่นป้องกันดวงตาแทนที่ครอบตาได้
    หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่น หรือการแต่งหน้ารอบ ๆ ดวงตา
    ใช้ยาหยอดตา/ยาป้ายตาที่แพทย์จัดให้อย่างเคร่งครัด (ซึ่งมักเป็นยาลดการอักเสบและยาปฏิชีวนะ) ควรหยอดตา/ป้ายตาเฉพาะข้างที่ผ่าตัดเท่านั้น ห้ามหยอด/ป้ายข้างที่ไม่ได้ผ่าตัด
    หลังเปิดตา (แพทย์จะแนะนำให้ใช้แผ่นผ้าปิดตาข้างที่ผ่าไว้ราว 5-7 วันหลังผ่าตัด) ตาข้างที่ผ่าตัดจะเห็นแสงจ้ามากกว่าปกติ ซึ่งจะค่อย ๆ ปรับเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ หากรู้สึกจ้ามากเมื่ออยู่ในที่สว่าง ควรใส่แว่นตาดำกันแสง
    ควรใส่แว่นตาดำกันแดดขณะออกไปข้างนอก หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นหรือควันมาก
    ติดตามการรักษาตามที่แพทย์นัด โดยทั่วไปแพทย์จะนัดมาดูแผลในวันรุ่งขึ้น และ 1 สัปดาห์ และ 1 เดือน หลังผ่าตัด หากไม่มีปัญหาแทรกซ้อนก็จะนัดห่างขึ้นไป และในที่สุดแพทย์จะนัดตรวจสุขภาพตาปีละ 1 ครั้ง
    ควรกลับไปปรึกษาแพทย์ก่อนนัดทันที
          -  ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น เปลือกตาบวม ตาแดงมากขึ้น ปวดตามาก มีขี้ตามากขึ้น เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบหรือแสงแฟลชถ่ายรูป ตาข้างที่ผ่าเคยชัดกลับมัวลงอีก หรือเผลอขยี้ตาหรือตาได้รับการกระทบกระเทือนแรง
          -  ในกรณีที่แพทย์ให้ยากิน ยาหยอดตา/ยาป้ายตากลับไปใช้ที่บ้าน หากสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง คันตา ตาบวม ตาแดง ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ต้อกระจกในผู้สูงอายุ ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล แต่อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจก หรือป้องกันไม่ให้เกิดต้อกระจกก่อนวัยอันควร ด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มสุราจัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาสเตียรอยด์ ยาชุดหรือยาลูกกลอนที่ใส่ยาสเตียรอยด์มาใช้เองอย่างพร่ำเพรื่อ (ยาสเตียรอยด์เป็นยาอันตรายที่ควรให้แพทย์สั่งใช้ตามความจำเป็น)
    สวมแว่นกันแดด (รังสีอัลตราไวโอเลต) เวลาออกกลางแดด
    ถ้าน้ำหนักเกิน ลดน้ำหนัก
    ควบคุมโรคประจำตัว (เช่น เบาหาน ความดันโลหิต) ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่ให้เพียงพอ ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกได้

ข้อแนะนำ

1. อาการตามัวอาจมีสาเหตุอื่นนอกจากต้อกระจก ควรซักถามอาการและตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่ใช่เกิดจากภาวะร้ายแรง เช่น ต้อหิน (ตรวจอาการตามัว)

2. ต้อกระจกที่พบในผู้ที่มีอายุน้อย หรือวัยกลางคน อาจมีสาเหตุจากเบาหวานหรืออื่น ๆ ได้ ควรแนะนำไปตรวจที่โรงพยาบาล

3. การรักษาต้อกระจกมีอยู่วิธีเดียว คือ การผ่าตัด ไม่มียาที่ใช้กินหรือหยอดแก้อาการของต้อกระจกได้ ปัจจุบันแพทย์นิยมทำการผ่าตัดโดยวิธีสลายต้อด้วยคลื่นความถี่สูงและการฝังเลนส์เทียม ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ได้แก่ เลนส์เทียมชนิดโฟกัสระยะเดียว (monofocal  IOL ช่วยให้สามารถโฟกัสภาพในระยะไกลได้ ส่วนการมองใกล้ต้องอาศัยแว่นอ่านหนังสือช่วย), เลนส์เทียมชนิดโฟกัสหลายระยะ (multifocal IOL ใช้สำหรับมองไกลและใกล้ได้), เลนส์เทียมชนิดยืดหยุ่น (accommodating IOL ปรับระยะได้ในตัวเอง คล้ายแก้วตาธรรมชาติ), เลนส์เทียมชนิดแก้ไขสายตาเอียง (Toric IOL ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นตาแก้สายตาเอียงหลังผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีสายตาเอียงอยู่เดิม), เลนส์เทียมชนิดโฟกัสหลายระยะและแก้ไขสายตาเอียง (Multifocal Toric IOL ช่วยให้มองเห็นในระยะใกล้และไกลชัดเจน และแก้ไขสายตาเอียง)

สำหรับผู้ป่วยที่มีข้อห้าม ไม่สามารถผ่าตัดโดยวิธีฝังเลนส์เทียม หลังผ่าตัดเอาต้อกระจกออก แพทย์จะวัดสายตาและตัดแว่นให้ผู้ป่วยใส่แทน

4. ถ้าหลังจากผ่าตัด ตาข้างนั้นมีอาการตามัวอีก ควรกลับไปปรึกษาแพทย์ อาจเกิดจากถุงหุ้มเลนส์ขุ่น หรือสาเหตุอื่น เช่น ต้อหิน จอตาเสื่อม เป็นต้น

5. ผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกควรหลีกเลี่ยงการไปรักษาตามแบบพื้นบ้าน ซึ่งบางคนยังนิยมเพราะกลัวการผ่าตัด หรือกลัวเสียค่าใช้จ่ายมาก หมอเหล่านี้ (ซึ่งไม่ใช่แพทย์) จะทำการเดาะแก้วตา (couching) โดยการใช้เข็มดันแก้วตาให้หลุดไปด้านหลังของลูกตา แสงก็จะผ่านเข้าไปในตาได้ ทำให้มองเห็นแสงสว่างได้ทันที และให้ใส่แว่นทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น แต่ไม่ช้าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ต้อหิน เลือดออกในวุ้นลูกตา หรือประสาทตาเสื่อมทำให้ตาบอดอย่างถาวร

11
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


12
เที่ยววัดสวย ไหว้พระ พาแม่เที่ยวทำบุญ เสริมสิริมงคล

สำหรับครอบครัวไหนที่กำลังจะพาคุณแม่สายบุญ ไปเที่ยว ทำบุญ ไหว้พระ กันแล้วล่ะก็ ตามเรามาปักหมุด 12 วัดสวย พาแม่เที่ยว วันแม่ ไปไหว้พระ ทำบุญ เสริมสิริมงคล ขอพรเรื่องสุขภาพ ความสำเร็จ กันได้เลยค่ะ

 1. วัดธรรมปัญญารามบางม่วง นครปฐม

      ไปสักการะ พระแม่กวนอิมปางพระไสยยาสน์ หรือ พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม ปางเสวยสุข ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กันที่ วัดธรรมปัญญารามบางม่วง อีกหนึ่ง วัดสวย นครปฐม ขอพรเสริมสิริมงคลเพื่อความสุข ความสบายใจกันไปได้เลย

      อีกทั้งภายในวัดยังประดิษฐาน พระยูไลไภษัชย์ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นจอมแห่งแพทย์นั่นเองค่ะ ทำให้ผู้คนมักจะมา ขอพรเรื่องของสุขภาพ นั่นเอง เพราฉะนั้น ก็อย่าพลาดพาคุณแม่ และครอบครัวไปขอพรให้สุขภาพแข็งแรงกันค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลบางช้าง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-19.00 น.

 2. วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี

     วัดป่าเลไลยก์ เป็นวัดเก่าแก่ ที่มีอายุราวๆ 1,200 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี ค่ะ สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การมาสักการะ หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของชาวบ้านนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ภายในองค์พระพุทธรูปหลวงพ่อโตนั้น ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้อีกด้วย

      นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ วิหารหลวงพ่อโต จะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่องราวของ ขุนช้าง ขุนแผน ซึ่งเป็นวรรณคดีเรื่องดังของไทยไว้อย่างครบถ้วน อีกด้วย

    ที่อยู่ : 249 ถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
    เปิดให้เข้าชม : 04.00-22.00 น.

 3. วัดท่าซุง อุทัยธาน

      วัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ และได้รับการบูรณะโดย พระราชพรหมยานเถระฯ หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระเกจิชื่อดัง จุดเด่นของวัดท่าซุงแห่งนี้ก็คือ วิหารแก้ว 100 เมตร สุดตระการตา ภายในประดับด้วยโมเสกสีขาวและกระจกระยิบระยับที่สวยงาม ภายในประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลอง ให้สักการะบูชาค่ะ

      นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีศานสถานต่างๆ ที่สำคัญมากมายค่ะ ทั้ง วิหารสมเด็จองค์ปฐม ปราสาททองคำ หรือ ปราสาททองกาญจนาภิเษก หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา หอพระไตรปิฏก และอืนๆ ค่ะ มาไหว้พระ ขอพร ถ่ายรูปสวยๆ กันได้ครบเลย

    ที่อยู่ : หมู่ 2 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-16.00 น.

 4. วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม

     วัดจุฬามณี เป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายค่ะ วัดตั้งอยู่ริมฝั่งคลองอัมพวา จึงมีความร่มรื่น ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจก็คือ โบสถ์จัตุรมุขหินอ่อน ความโดดเด่นก็คือพื้นโบสถ์นั้นจะปูด้วยหยกสีเขียวจาก เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน ค่ะ ทำให้สวยงามมากๆ

      ภายในวัดยังประดิษฐาน องค์ท่านพ่อ ท้าวเวสสุวรรณ ให้สักการะบูชา โดยตามความเชื่อก็คือ ท้าวเวสสุวรรณ นั้นจะช่วยปกป้องภัยสิ่งไม่ดีต่างๆ ให้แคล้วคลาดปลอดภัยนั่นเองค่ะ

    ที่อยู่ : 93 หมู่ 9 ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-23.45 น.

5. วัดตะโก อยุธยา

      วัดตะโก อีกหนึ่ง วัดสวย ในอยุธยา ที่มีผู้คนแวะมาสักการะกันไม่ขาดสายค่ะ ที่นี่ยังเป็นวัดดังที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมี พระเกจิชื่อดัง คือ หลวงพ่อรวย พระนักพัฒนา ที่สิ่งชื่อเสียงให้กับวัดตะโกนั่นเอง ทำให้พุทธศาสนิกชนต่างก็ศรัทธากันเป็นอย่างมาก

      ภายในวัด สิ่งที่โดดเด่นก็คือ พระมหาธาตุเจดีย์ปาสาทิโก ซึ่งออกแบบโดย ศิลปินแห่งชาติด้านสถาปัตยกรรมไทย โดยภายในมีโลงแก้วบรรจุสังขารหลวงพ่อรวย ที่จะเปิดให้เข้าไปกราบไหว้กันได้ค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

 6. วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ นครสวรรค์

      วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ค่ะ สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ก็คือ เจดีย์ศรีพุทธคยา ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นการจำลองแบบมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย นั่นเอง ซึ่ง เจดีย์ศรีพุทธคยา นั้นมีความสูง 28 เมตร เป็นหินแกะสลักสีแดง ยอดเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ

      ภายในองค์เจดีย์ก็จะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่สักการะของผู้คน นอกจากนี้ยังมี สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพ่อดำ ที่แกะสลักจากหินพิเศษ ประดิษฐาน ด้านล่างเจดีย์ อีกด้วย

    ที่อยู่ : หมู่ 2 โคกแผ่น ตําบลทํานบ อําเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.

 7. วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อุบลราชธานี

      มาที่ ภาคอีสาน กันบ้าง ที่ วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ หรือ วัดใต้เทิง เป็น วัดสวย อุบลราชธานี อีกแห่งค่ะ โดยภายในวัดโดดเด่นด้วย พระพุทธรูปเก่าแก่ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอุบล ให้ความสักการะนับถือกันอย่างมากค่ะ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็น พระพุทธรูปที่งดงามในประเทศไทยและภาคอีสาน

      ภายในวัดยังมี พระพุทธรูปเจตมนเพลิง องค์ตื้อ (สีดำสนิท) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเป็นศักดิ์สิทธิ์อีกองค์ให้เราได้สักการะขอพรกัน รวมถึงภายในพระอุโบสถยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้งภาพวาดเกี่ยวกับพุทธประวัติ และพระเจ้าสิบชาติ และอื่นๆ ที่น่าสนใจและสวยงามอีกด้วยค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

 8. วัดวังคำ กาฬสินธุ์

       มาทำบุญกันที่ วัดวังคำ กาฬสินธุ์ วัดไทยโดดเด่นด้วยการจำลองแบบมาจาก วัดเชียงทอง ที่ หลวงพระบาง นั่นเองค่ะ โดยที่นี่เรียกได้ว่าเป็นวัดไทยวัดเดียวในกาฬสินธุ์ ที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างเลยทีเดียว

     ความโดดเด่นของวัดวังคำก็คือ โบสถ์ หรือ สิม ที่นำรูปแบบสถาปัตยกรรมของวัดเชียงทองมาสร้างแบบย่อส่วนลงมาเล็กน้อยนั่นเองค่ะ นับว่าเป็นอีกวัที่สวยงามจริงๆ ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระประธาน 2 องค์ คือ ปางสะดุ้งมาร และ ปางสะดุ้งมารกลับ ตามความเชื่อโบราณ

    ที่อยู่ : 38 บ้านนาทวี หมู่ 7 ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
    เปิดให้เข้าชม : 09.00-17.00 น.

 9. วัดเนรมิตวิปัสสนา เลย

      วัดเนรมิตวิปัสสนา เป็นวัดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวจังหวัดเลยค่ะ ที่นี่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ก่อสร้างด้วยศิลาแลง จึงมีเอกลักษณ์ต่างจากวัดอื่นๆ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2521 โดย พระครูภาวนา วิสุทธิญาณ

      ภายในอุโบสถมี พระพุทธชินราชจำลอง ประดิษฐานให้ชาวพุทธสามารถเข้าไปสักการะบูชาได้ นอกจากนี้ยังมี มณฑปพระครูภาวนาวิสุทธิญาณ เป็นมณฑปที่สร้างด้วยศิลาแลง ภายในเป็นที่ตั้งของของหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ และหีบบรรจุสังขารของหลวงพ่อซึ่งไม่เน่าเปื่อย ให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวแวะมากราบไหว้สักการะนั่นเอง

    ที่อยู่ : 20 หมู่ 14 บ้านหัวนายูง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.

 10. วัดสันป่ายางหลวง ลำพูน

      วัดสันป่ายางหลวง เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดลำพูน ถือเป็นวัดในศาสนาพุทธแห่งแรกของดินแดนล้านนาเลยค่ะ อีกทั้งมีการสร้างเจดีย์และอันเชิญพระอัฐิธาตุกลางกระหม่อมของอัครสาวก คือ พระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร มาประดิษฐานไว้ที่นี่ด้วย

     อีกทั้งภาพในวัด ยังมี พระวิหารพระโขงเขียว หรือ พระวิหารพุทธรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย ที่มีการแกะสลักลายปูนปั้นไว้ในพระวิหารอย่างสวยงาม เป็นการผสมผสานระหว่างยุคเก่ากับยุคใหม่เข้าด้วยกันที่หาดูไม่ยากจากที่อื่นๆ ค่ะ

    ที่อยู่ : หมู่ 6 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.

11. วัดสวนดอก เชียงใหม่

     วัดสวนดอก หรือ วัดบุปผาราม เป็นวัดเก่าแก่ และสวยงามอีกแห่งในเชียงใหม่ค่ะ ซึ่งสร้างโดย พระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์เม็งราย ในปี พ.ศ.1914 เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ พระมหาเถระสุมน ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในแผ่นดินล้านนา และสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอีกด้วย

     ภายในวัดมีสถานที่สำคัญคือ พระเจดีย์ใหญ่ทรงลังกา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และ พระเจ้าเก้าตื้อพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ ศิลปะแบบเชียงแสนฝีมือช่างล้านนาและสุโขทัย ตามตำนานเล่ากันว่า มักจะมีผู้มาอธิษฐานขอบุตร และปรารถนาสิ่งต่างๆ มักจะสมปรารถนาทุกประการอีกด้วย

    ที่อยู่ : 139 ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.

 12. วัดห้วยปลากั้ง เชียงราย

      วัดห้วยปลากั้ง วัดสวย เชียราย ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา เห็นได้แต่ไกลค่ะ เพราะมีความโดดเด่นมากๆ ด้วย พบโชคธรรมเจดีย์ ซึ่งมีความสูงถึง 9 ชั้นด้วยกัน โดยเป็นสถาปัตยกรรมศิลปะแบบจีนผสมเข้ากับล้านนาอันมีเอกลักษณ์เลยทีเดียว

      นอกจากนี้ ยังมี องค์เจ้าแม่กวนอิม ที่สูงที่สุดในประเทศไทยประดิษฐานอยู่ด้วย มีความเชื่อที่ว่าใครได้มาไหว้ขอพรในเรื่องสุขภาพ การเงิน การงาน ก็จะได้รับพรกลับไปให้สมหวังกันด้วยค่ะ

    ที่อยู่ : 553 หมู่ 3 ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
    เปิดให้เข้าชม : 07.00-17.00 น.

13
หมอออนไลน์: กระดูกพรุน (Osteoporosis)

โรคกระดูกพรุน คือ ภาวะที่มีปริมาณแร่ธาตุ (ที่สำคัญคือแคลเซียม) ในกระดูกลดลง ร่วมกับความเสื่อมของเนื้อเยื่อที่ประกอบเป็นโครงสร้างภายในกระดูก ทำให้เนื้อหรือมวลกระดูกลดความหนาแน่น จึงเปราะและแตกหักง่าย บริเวณที่พบการหักของกระดูกได้บ่อย ได้แก่ ข้อมือ สะโพก และสันหลัง

โรคที่พบมากในคนสูงอายุ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2 เท่า และผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคกระดูกพรุน จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป

สาเหตุ

กระดูกประกอบด้วย โปรตีน คอลลาเจน และแคลเซียม โดยมีแคลเซียมฟอสเฟตเป็นตัวทำให้กระดูกแข็งแรง ทนต่อแรงดึงรั้ง

กระดูกมีการสร้างและสลายตัวอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ ขณะที่มีการสร้างกระดูกใหม่โดยใช้แคลเซียมจากอาหารที่กินเข้าไป ก็มีการสลายแคลเซียมในเนื้อกระดูกเก่าออกมาในเลือดและถูกขับออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ ปกติในเด็กจะมีการสร้างกระดูกมากกว่าการสลาย ทำให้กระดูกมีการเจริญเติบโต มวลกระดูกจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนมีความหนาแน่นสูงสุด เมื่ออายุประมาณ 30-35 ปี หลังจากนั้นจะเริ่มมีการสลายกระดูกมากกว่าการสร้าง ทำให้กระดูกค่อย ๆ บางตัวลงตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงช่วงหลังวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมีการลดลงของฮอร์โมนเอสโทรเจนอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนชนิดนี้ช่วยการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายและชะลอการสลายของแคลเซียมในเนื้อกระดูก เมื่อพร่องฮอร์โมนชนิดนี้ก็จะทำให้กระดูกบางตัวลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดภาวะกระดูกพรุน

ดังนั้น โรคกระดูกพรุนส่วนใหญ่จึงเกิดจากภาวะหมดประจำเดือนในผู้หญิง (ซึ่งจะเริ่มมีอัตราเร่งของการสลายตัวของกระดูกในช่วง 10-20 ปี หลังหมดประจำเดือน) และความเสื่อมตามอายุที่มีการสะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยาวนานของการเสียดุลระหว่างการสร้างและการสลายของกระดูก (พบได้ทั้งชายและหญิงที่มีอายุมากกว่า 75 ปี)

นอกจากนี้ยังอาจพบร่วมกับภาวะอื่น ๆ เรียกว่า กระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ (secondary osteoporosis) เช่น

    ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานเกิน เบาหวาน โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เอลแอลอี โรคตับเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง มะเร็ง (เต้านม เม็ดเลือดขาว ต่อมน้ำเหลือง)
    ภาวะขาดสารอาหารและแคลอรี ภาวะขาดแคลเซียม
    น้ำหนักน้อย (ผอม)
    การใช้ยาติดต่อกันนาน ๆ เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ (เช่น ฟูโรซีไมด์) ยาลดการสร้างกรดกลุ่มยับยั้งโปรตอนปั๊มป์ (เช่น โอเมพราโซล) ยากันชัก(เช่น เฟนิโทอิน ฟีโนบาร์บิทาล) เฮพาริน หรือใช้ฮอร์โมนไทรอยด์มากเกิน
    การไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายนาน ๆ (เช่น ผู้ป่วยที่นอนแบ็บอยู่บนที่นอนตลอดเวลา) การสูบบุหรี่ (ทำให้เอสโทรเจนในเลือดลดลง)
    การเสพติดแอลกอฮอล์
    การสูบบุหรี่

นอกจากนี้ ยังพบว่าโรคนี้มีความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ และบางครั้งอาจพบในคนอายุไม่มากโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจนก็ได้
 
อาการ

ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการแสดง จนกระทั่งเกิดภาวะกระดูกหัก ก็จะเกิดอาการเจ็บปวด หรือความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก เช่น ปวดข้อมือ สะโพก หรือหลัง (เนื่องจากกระดูกข้อมือ สะโพก หรือสันหลังแตกหัก) ส่วนสูงลดลงจากเดิม (เนื่องจากการหักและยุบตัวของกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว) เป็นต้น

ถ้าเป็นโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิก็อาจมีอาการแสดงของโรคที่เป็นสาเหตุ


ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญคือ กระดูกหัก อาจทำให้เกิดความพิการเดินไม่ได้ หรือหลังโกงหลังค่อม

ในรายที่กระดูกสะโพกหัก ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ ถ้าจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลังผ่าตัดได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ถ้ามีภาวะกระดูกหักเฉียบพลัน เช่น ตกจากที่สูง หกล้ม ก็จะตรวจพบอาการเจ็บปวด บวม หรือกระดูกบิดเบี้ยว หรือขยับเขยื้อนไม่ได้

ถ้ากระดูกสันหลังแตกหัก หรือยุบตัวแบบเรื้อรัง (มักเกิดจากแรงกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย โดยที่ผู้ป่วยอาจไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไร) ผู้ป่วยจะมีส่วนสูงลดลง หรือหลังโกงหลังค่อม

นอกจากนี้อาจตรวจพบอาการของโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเอกซเรย์กระดูกตรวจความหนาแน่นของกระดูก (bone mineral density) ด้วยเครื่องตรวจโดยเฉพาะ เช่น การตรวจด้วยวิธี DXA (dual-energy X-ray absorptiometry) การตรวจอัลตราซาวนด์กระดูกส้นเท้า (calcaneal ultrasonography) เป็นต้น นอกจากนี้ อาจทำการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อค้นหาสาเหตุในรายที่สงสัยว่ามีโรคหรือภาวะอื่นร่วมด้วย

การรักษาโดยแพทย์

สำหรับผู้ป่วยที่มีกระดูกพรุนโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะให้กินแคลเซียม เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต และอาจให้วิตามินดีร่วมด้วย ในรายที่อยู่แต่ในที่ร่ม (ไม่ได้รับแสงแดด) ตลอดเวลา

สำหรับหญิงหลังวัยหมดประจำเดือน แพทย์อาจพิจารณาให้ฮอร์โมนเอสโทรเจนทดแทน

สำหรับผู้ชายสูงอายุที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนร่วมด้วย อาจต้องให้ฮอร์โมนชนิดนี้เสริม

นอกจากนี้ อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นการดูดซึมแคลเซียม และ/หรือยาลดการสลายกระดูกเพิ่มเติมแก่ผู้ป่วยบางราย เช่น ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนต (bisphosphonate), แคลซิโทนิน (calcitonin)

หากไม่ได้ผลหรือใช้ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนตไม่ได้ แพทย์อาจให้ยาชนิดใหม่ เช่น ดีโนซูแมป (denosumab), เทริพาราไทด์ (teriparatide)

ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยาเป็นประจำ แพทย์จะนัดมาตรวจเป็นระยะ อาจต้องทำการตรวจกรองมะเร็งเต้านมและปากมดลูก (สำหรับผู้ที่กินเอสโทรเจน) ปีละ 1 ครั้ง ตรวจความหนาแน่นของกระดูกทุก 2-3 ปี เอกซเรย์ในรายที่สงสัยมีกระดูกหัก เป็นต้น

ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระดูกหัก ก็ให้รักษา เช่น การเข้าเฝือก การผ่าตัด การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น

ในรายที่มีโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ ก็ให้การรักษาไปพร้อม ๆ กัน

การดูแลตนเอง

ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ หญิงวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดนาน ๆ (เช่น ยาสเตียรอยด์ ยากันชัก) เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจกรองโรคกระดูกพรุน

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคกระดูกพรุน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    งดบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด
    ระมัดระวังอย่าให้หกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุ ทำให้กระดูกหัก เช่น แก้ไขภาวะความดันตกในท่ายืน หรือสายตามัว (เช่น ต้อกระจก) หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้ง่วงนอน หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง (เช่น ยากล่อมประสาท) และควรจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย (เช่น บันไดที่ขึ้นลง แสงสว่าง ห้องน้ำ พื้นต่างระดับ ราวเกาะยึด เป็นต้น)

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดข้อ หรือปวดหลังเฉียบพลัน หรือสงสัยกระดูกหัก
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. กินแคลเซียมให้เพียงพอทุกวัน* อาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นม เนยแข็ง ปลาที่กินได้ทั้งกระดูก (เช่น ปลาไส้ตัน) กุ้งแห้ง เต้าหู้แข็ง ถั่วแดง ผักสีเขียวเข้ม (เช่น คะน้า ใบชะพลู) งาดำคั่ว

แนวทางปฏิบัติ สำหรับเด็กและวัยรุ่นควรดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุดื่มนมวันละ 1-2 แก้วเป็นประจำ จะทำให้ได้รับแคลเซียมร้อยละ 50 ของปริมาณที่ต้องการ ส่วนแคลเซียมที่ยังขาดให้กินจากอาหารแหล่งอื่น ๆ ประกอบ

ผู้ใหญ่บางคนที่มีข้อจำกัดในการดื่มนม (เช่น มีภาวะไขมันในเลือดสูง อ้วน เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด) ให้เลือกกินเนยแข็ง นมเปรี้ยว นมพร่องมันเนย แทน หรือบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงในแต่ละมื้อให้มากขึ้น

2. ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังที่มีการถ่วงหรือต้านน้ำหนัก (weight bearing) เช่น การเดิน การวิ่ง เต้นแอโรบิก กระโดดเชือก รำมวยจีน เต้นรำ เป็นต้น ร่วมกับการยกน้ำหนัก จะช่วยให้มีมวลกระดูกมากขึ้น และกระดูกมีความแข็งแรง ทั้งแขน ขา และกระดูกสันหลัง

3. รับแสงแดด ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างกระดูก ในบ้านเราคนส่วนใหญ่จะได้รับแสงแดดเพียงพออยู่แล้ว นอกจากในรายที่อยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา ก็ควรจะออกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าหรือยามเย็น วันละ 10-15 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน ถ้าอยู่แต่ในที่ร่ม ไม่ถูกแสงแดด อาจต้องกินวิตามินดีเสริม

4. รักษาน้ำหนักตัวอย่าให้ต่ำกว่าเกณฑ์ (ผอมเกินไป) เพราะคนผอมจะมีมวลกระดูกน้อย เสี่ยงต่อกระดูกพรุนได้

5. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน เช่น

    ไม่กินอาหารประเภทโปรตีนหรือเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะอาหารพวกนี้จะกระตุ้นให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากเกินปกติ
    ไม่กินอาหารเค็มจัดหรืออาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะเกลือโซเดียมจะทำให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง และเพิ่มการขับแคลเซียมทางไตมากขึ้น
    ไม่ดื่มน้ำอัดลมปริมาณมาก เพราะกรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมทำให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น
    หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลตในปริมาณมาก เพราะแอลกอฮอล์และกาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านี้จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของลำไส้เล็ก (กาแฟไม่ควรดื่มเกินวันละ 3 แก้ว แอลกอฮอล์ไม่เกินวันละ 2 หน่วยดื่ม ซึ่งเทียบเท่าแอลกอฮอล์สุทธิ 30 มล.)
    งดการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่กระตุ้นให้เกิดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น (เนื่องจากลดระดับเอสโทรเจนในเลือด)
    ระวังการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ซึ่งจะเร่งการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย


6. รักษาโรคหรือภาวะที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคคุชชิง

* สำหรับคนไทยซึ่งมียีนที่ควบคุมการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เล็กได้ดีกว่าชาวตะวันตก และได้รับแสงแดดช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้ตลอดปี มีความต้องการปริมาณแคลเซียมน้อยกว่าชาวตะวันตก ซึ่งแนะนำให้บริโภคแคลเซียมตามช่วงอายุ ดังนี้
    อายุ 9-18 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 1,000 มก./วัน
    อายุมากกว่า 50 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 800-1,000 มก./วัน
    อายุมากกว่า 50 ปี ควรบริโภคแคลเซียม 800-1,000 มก./วัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวัยเด็กและหนุ่มสาว ควรบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอ เพื่อสะสมมวลกระดูกไว้ให้มาก จะป้องกันการเกิดกระดูกพรุนได้ดีกว่าการเสริมแคลเซียมหลังอายุ 30-35 ปี (ช่วงที่ร่างกายสร้างมวลกระดูกหนาแน่นสูงสุด) ไปแล้ว

ข้อแนะนำ

โรคนี้พบได้บ่อยในหญิงหลังวัยหมดประจำเดือน และผู้สงอายุ ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อกระดูกหักง่าย ควรป้องกันด้วยการปฏิบัติตัวต่าง ๆ (เช่น การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมให้มากพอ การออกกำลังกาย การรักษารูปร่างอย่าให้ผอมเกินไป การไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มสุราจัด) ตั้งแต่วัยเด็กและวัยหนุ่มสาว

14
อาการของเด็ก เมื่อสวมใส่เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF LINE ช่วงแรกๆ

เครื่องมือ EF Line เป็นเครื่องมือการจัดฟันสำหรับเด็กที่มีอายุ 4-7 ปี มีลักษณะเป็นชิ้นยางหลากหลายสี ซึ่งมีหลายขนาดตามอายุและขนาดของขากรรไกรเด็ก ซึ่งประโยชน์ของเครื่องมือชิ้นนี้ คือมันจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของเด็กให้มาอยู่ถูกที่ถูกทาง มากยิ่งขึ้นโดยเครื่องมือการจัดฟันในการจัดฟันในเด็กนั้น จะช่วยป้องกันปัญหาการสบฟันผิดปกติหรือแก้ไขเพื่อบรรเทาความรุนแรงของความผิดปกติซึ่งควรทำในเด็ก เพราะเครื่องมือ EF Line ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของป้องกันฟันล้ม

ซึ่งใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียฟัน หรือ ต้องถอนฟันน้ำนมก่อนกำหนด โดยทันตแพทย์จะถอนฟันน้ำนมที่เสียออก แล้วพิมพ์ปากเพื่อทำเครื่องมือกันฟันล้มใส่ให้ รอจนกว่าถึงเวลาที่ฟันแท้จะงอกขึ้นทดแทนในช่องว่างที่ถอนฟันสำหรับผู้เข้ารับการรักษาที่เป็นเด็กก็จะมีฟันแท้ งอกตรงในบริเวณที่ควรจะงอก ทำให้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาฟันคุดของฟันแท้ในบริเวณนั้น หรือ การล้มเกของฟันรอบๆ ข้าง แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การได้มีฟันน้ำนมอยู่ในปากจนครบเวลาที่ควรจะหลุด จะเป็นการป้องกันฟันล้มเกได้ดีที่สุด

นอกจากนี้ เครื่องมือดังกล่าวยังสามารถแก้ไขพฤติกรรมที่ผิดปกติที่เกิดในเด็กได้ด้วย หากเรามานั่งพูดถึงสาเหตุของการสบฟันที่ผิดปกติในเด็กจำนวนมาก ที่เรามักพบเจอได้บ่อย ส่วนใหญ่จะเกิดจากนิสัยต่างๆ เช่น การดูดนิ้ว การกลืนที่ผิดปกติ หรือ การหายใจทางปากจากปัญหาทางเดินหายใจ อาจจะส่งผลให้ฟันหน้าบนยื่น หรือไม่สบฟันได้ในที่สุด ทันตแพทย์จะมีเครื่องมือรูปแบบต่างๆ ที่ช่วยแก้ไขนิสัยเหล่านี้ให้แก่เด็กได้ แต่การสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ในช่วงแรกๆของเด็กอาจจะยังมีอาการผิดปกตอเล็กน้อย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตพฤติกรรมเมื่อเด็กมีอาการเมื่อสวมใส่เครื่องมือ EF LINE พ่อแม่ที่กำลังจะให้เด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE อาจจะมีความสงสัยในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ว่าเด็กจะมีอาการอะไรหรือเปล่า ดังนั้น พ่อแม่ควรที่จะสังเกตอาการที่ทางคลินิกของเรากำลังจะนำมาบอก เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ศึกษาเป็นแนวทาง

สำหรับเครื่องมือ EF line เด็กควรจะสวมใส่เครื่องมือตามที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำ ก็คือ ควรสวมใส่ในตอนกลางคืนขณะนอนหลับเป็นเวลา 10 ชม. เวลา และในตอนกลางวันเป็นเวลา 2 ชม. ซึ่งในระหว่างใส่กลางวันพ่อแม่ต้องคอยสังเกตอาการของเด็ก ไม่ควรปล่อยให้เด็กเคี้ยวเครื่องมือเล่น ไม่พูด ปากปิดสนิทเพื่อเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อรอบปาก ในช่วงเเรกๆ การสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันอาจไม่สบายนัก แต่ร่างกายของเด็กจะปรับตัวยอมรับและดีขึ้นเองเด็กบางคนอาจมีอาการเหมือนอยากจะอาเจียน

ดังนั้น พยายามให้เด็กใส่ให้เกิดความเคยชินขึ้น โดยอาจปรับเวลาเป็นการใส่ครั้งแรก ทำให้เด็กรู้สึกเพลินเพลินกับการทำกิจกรรมอื่นๆไปด้วยได้ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรเตือนเด็กให้พยายามใส่ประคองด้วยฟ และนิ่งๆ ไม่เคี้ยวเล่น เมื่อเวลาผ่านไป ฟัน กระดูกเหงือก เนื้อเยื่อในปาก กล้ามเนื้อและลิ้นจะปรับตัวตาม EF LINE ได้เอง ปัญหาอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้น ก็จะค่อยๆลดลงจนสามารถใส่ได้นานๆอย่างสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อาการที่จะเกิดขึ้นได้ก็คือ เมื่อเด็กสวมใส่เครื่องมือ EF LINE แล้วรู้สึกมีอาการเจ็บที่ฟัน หากเป็นฟันแท้อาจเป็นผลจากการเคลื่อนของฟันเพื่อการเรียงตัวใหม่ที่ดี แต่หากอาการเจ็บมีความรุนแรงมาก 

โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นฟันน้ำนม หากพบฟันมีลักษณะโยกมาก พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจรักษา หากแรกๆ เด็กบ่นว่าใส่แล้วปวด สามารถให้เขาพักการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันได้ เอาออกเป็นช่วงๆ เพื่อค่อยๆให้ช่องปากได้ปรับตัว ยิ่งนานวันจะสามารถใส่ได้นานตามกำหนด นอกจากนี้ ควรมีการให้เด็กฝึกกลืนน้ำลายโดยลิ้นไม่ดุนฟัน แต่ให้ลิ้นเเตะเพดาน อยู่ด้านหลังห่างหลังฟันหน้าบนในเด็กที่ใส่ช่วงแรกๆ อาจจะเจ็บโคนลิ้น ให้ดื่มน้ำมากๆ หากเป็นแผลใช้ยาทาแผลช่วยบรรเทาอาการ หรือใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของยาชาช่วย เมื่อเด็กสามารถปรับลักษณะการกลืนและจัดตำแหน่งลิ้นได้แล้ว อาการผิดปกติเหล่านั้นจะหายไปเอง

ากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านไหน สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line สามารถขอรับคำแนะนำและปรึกษากับทางทันตแพทย์ของทางคลีนิกด้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์เรื่องของการจัดฟันในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่ดี

และมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นเด็กที่มีสุขภาพฟันที่ดีได้อย่างแน่นอน เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่เด็กจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ โดยไม่มีเรื่องของปัญหาช่องปากมาเป็นอุปสรรค ดังนั้น การที่เด็กมีฟันที่แข็งแรง ก็จะช่วยส่งเสริมเรื่องพัฒนาการของเด็กได้อย่างดีเลยทีเดียว

15
รถรับจ้างจังหวัดเชียงใหม่ ใกล้ฉัน และคนยกของ ยินดีบริการ

ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่แน่นอนว่ามีการใช้บริการในด้านการให้บริการงาน รถรับจ้างขนของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะ รถกระบะรับจ้างจังหวัดเชียงใหม่ ใกล้ฉัน ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีผู้ใช้บริการให้ความนิยมและชื่นชอบเป็นอย่างมาก ด้วยขนาดตัวรถที่ไม่ใหญ่สามารถ ที่จะวิ่งเข้าออกในพื้นที่เขตในเมืองจังหวัดเชียงใหม่โดยเฉพาะแถวถนนนิมมาน ที่มีสภาพการจราจรที่ติดขัดได้เป็นอย่างดี มีขนาดเล็กและมีความคล่องตัวสูงและที่สำคัญราคาค่าบริการของ รถกระบะรับจ้างจังหวัดเชียงใหม่ราคาถูก
หลายหลายคนสามารถที่จะจ้างรถขนของได้โดยใช้งบประมาณเพียงน้อยนิด จึงทำให้คนชาวจังหวัดเชียงใหม่ชื่นชอบการเรียกใช้บริการ รถกระบะรับจ้าง เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ในเมืองท่านสามารถค้นหา รถกระบะรับจ้างจังหวัดเชียงใหม่ ใกล้ฉัน ได้โดยง่ายมีจุดให้บริการที่มากมายซึ่ง ขนส่งของเราได้ให้บริการรถกระบะรับจ้างมาอย่างยาวนานและพร้อมที่จะเข้าไปให้บริการลูกค้าทุกคนสนใจเรียกใช้บริการ ขนย้ายหอพัก ขนย้ายคอนโดจังหวัดเชียงใหม่ หรือแม้กระทั่งงานให้บริการรับจ้างขนของย้ายบ้านจังหวัดเชียงใหม่ เราให้ราคาที่ไม่แพงสนใจสอบถามรายละเอียดได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

   
รถรับจ้างย้ายหอจังหวัดเชียงใหม่ ราคาเท่าไหร่

จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวมากมายรวมไปถึงสถานศึกษาที่เป็นทั้งมหาวิทยาลัยหรือแม้กระทั่งระดับมัธยมศึกษาที่มีนักศึกษามากมาย และนักท่องเที่ยวมากมายที่เข้ามาใช้บริการห้องพัก คอนโด จำนวนมากมายจึงเกิดการเรียกใช้บริการ รถรับจ้างย้ายหอจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจำนวนมากบางครั้งนักศึกษาต้องการที่อยากจะเปลี่ยนหอหรือย้ายที่อยู่ใหม่ก็จะมีการเรียกใช้ รถรับจ้างย้ายหอจังหวัดเชียงใหม่ ราคาเท่าไหร่ อยู่บ่อยครั้ง
แม้กระทั่งคนที่ทำงานต้องการอยากจะย้ายที่อยู่ไปต่างจังหวัด ก็สามารถเรียกใช้ บริการรถรับจ้างย้ายหอจังหวัดเชียงใหม่ราคาถูก ได้อย่างสบายเพราะที่นี่เราให้บริการรถรับจ้างทุกชนิดทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้างย้ายหอเชียงใหม่ รถสี่ล้อรับจ้างย้ายหอเชียงใหม่ รถหกล้อรับจ้างย้ายหอย้ายคอนโดเชียงใหม่ เป็นต้น
สำหรับท่านใดที่ต้องการอยากจะให้พนักงานของเราทำการแพ็คสินค้าให้ด้วยก็สามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดจำนวนคนยกของกับเราได้เราพร้อมให้บริการทั้งรถขนของและพนักงานยกสินค้าด้วยไปพร้อมกัน

   
รถขนของจังหวัดเชียงใหม่ไปต่างจังหวัด

เดี๋ยวนี้การให้บริการขนย้ายของไปต่างจังหวัด หรือย้ายที่อยู่ไปไกลจากพื้นที่เดิมได้รับความนิยมและมีการเรียกใช้บริการในลักษณะดังกล่าวอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายของไปในจังหวัดในเขตภาคเหนือ หรือย้ายไปภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคอีสาน หรือภาคใต้ ก็มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นในทุกๆปี ส่วนมากแล้วการขนย้ายของโดยใช้ รถขนของจังหวัดเชียงใหม่ไปต่างจังหวัด นั้นจะเป็นลักษณะของการให้บริการรับจ้างขนของย้ายบ้าน ขนย้ายไซด์งานก่อสร้าง ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายสินค้าอุปโภคบริโภคจังหวัดเชียงใหม่ไปต่างจังหวัด
ซึ่งผู้ใช้บริการจะมีการวางแผนการขนย้ายของล่วงหน้าประมาณ3ถึง5วัน เพราะว่าจะต้องเตรียมในเรื่องของการจัดเก็บสินค้าการแพ็คสินค้าและส่วนมากจะมีการขอพนักงานคนยกสินค้าเพิ่มอย่างน้อย3ถึง4ท่าน ซึ่ง ขนส่งของเราก็ให้บริการทั้งรถรับจ้างและคนยกสินค้าไปพร้อมกันการ บริการที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วโดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องไปหาคนยกจากข้างนอก เพียงแค่โทรหาเราและสอบถามข้อมูลราคาค่าบริการรถขนของไปต่างจังหวัดและคนยกของเราพร้อมให้บริการท่านอย่างสะดวกสบาย

หน้า: [1] 2 3 ... 59