แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - radnana

หน้า: [1] 2 3 ... 9
1
การขอสินเชื่อเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับหลายคนที่ต้องการเงินทุนเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือการลงทุน แต่หลายคนก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อการกู้เงินธนาคารขอสินเชื่อไม่ผ่าน ในบทความนี้เราจะมาสำรวจสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้การขอสินเชื่อไม่ผ่าน และวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

1. ประวัติเครดิตไม่ดีกู้ธนาคารไม่ได้
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้การกู้สินเชื่อไม่ผ่านคือประวัติเครดิตที่ไม่ดี หากคุณมีประวัติการชำระเงินที่ล่าช้าหรือมีหนี้สินที่ยังไม่ได้ชำระ อาจทำให้ผู้ให้สินเชื่อมองว่าคุณเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการไม่ชำระหนี้ในอนาคต
วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบประวัติเครดิตของคุณเป็นประจำ
ชำระหนี้ที่ค้างอยู่ให้หมด
ปรับปรุงพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตให้ดีขึ้น

2. รายได้ไม่เพียงพอ
ผู้ให้สินเชื่อมักจะพิจารณารายได้ของผู้ขอสินเชื่อเป็นปัจจัยสำคัญ หากรายได้ของคุณไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ในอนาคตได้ อาจทำให้การขอสินเชื่อไม่ผ่าน
วิธีแก้ไข:
เพิ่มรายได้ด้วยการทำงานพิเศษ
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
สร้างแผนการเงินที่ชัดเจน

3. หนี้สินสูงเกินไป
การมีหนี้สินสูงเกินไปเมื่อเทียบกับรายได้อาจทำให้ผู้ให้สินเชื่อไม่มั่นใจในความสามารถของคุณในการชำระหนี้ใหม่ หากอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (DTI) สูงเกินไป อาจทำให้การขอสินเชื่อบุคคลไม่ผ่าน
วิธีแก้ไข:
ลดหนี้สินที่มีอยู่
จัดทำแผนการชำระหนี้ที่มีประสิทธิภาพ
พิจารณาการรวมสินเชื่อเพื่อให้การชำระหนี้ง่ายขึ้น

4. ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในเอกสาร
การกรอกข้อมูลในเอกสารขอสินเชื่อที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนอาจทำให้การขอสินเชื่อไม่ผ่านได้ง่าย ๆ ผู้ให้สินเชื่อจะตรวจสอบข้อมูลที่คุณให้ไว้ และหากพบข้อผิดพลาดอาจทำให้เกิดความไม่เชื่อถือ
วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบเอกสารทุกครั้งก่อนส่ง
ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
หากมีข้อสงสัยให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่

5. อายุของผู้ขอสินเชื่อเงินกู้
บางครั้งอายุของผู้ขอสินเชื่อก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้การขอสินเชื่อไม่ผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอายุน้อยหรือสูงอายุเกินไป ซึ่งอาจถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงในการชำระหนี้
วิธีแก้ไข:
หากคุณเป็นผู้ที่มีอายุน้อย ควรสร้างประวัติเครดิตที่ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ
สำหรับผู้สูงอายุ ควรมีหลักประกันที่ชัดเจนและแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้

การขอสินเชื่อไม่ผ่านอาจเกิดจากหลายสาเหตุที่หลายคนมองข้าม การเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเตรียมตัวและปรับปรุงสถานการณ์ทางการเงินของคุณได้ดียิ่งขึ้น หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอสินเชื่อ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม
อย่าลืม! การเตรียมตัวที่ดีและการมีข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อของคุณให้สำเร็จได้มากขึ้น




2


การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดดอกเบี้ยหรือปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเอง แต่หลายคนอาจสงสัยว่าเมื่อรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว จำเป็นต้องโอนบ้านใหม่หรือไม่? ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์และทำความเข้าใจในเรื่องนี้กัน

รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร?

การรีไฟแนนซ์บ้านคือกระบวนการที่เจ้าของบ้านทำการกู้เงินใหม่เพื่อนำมาใช้ชำระหนี้บ้านเดิม โดยมักจะมีวัตถุประสงค์เพื่อลดอัตราดอกเบี้ย ปรับเปลี่ยนระยะเวลาการกู้ หรือเปลี่ยนประเภทของสินเชื่อ ซึ่งการรีไฟแนนซ์สามารถช่วยให้ผู้กู้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้

การโอนบ้านใหม่คืออะไร?

การโอนบ้านใหม่หมายถึงการทำสัญญาโอนกรรมสิทธิ์บ้านจากเจ้าของเดิมไปยังเจ้าของใหม่ ซึ่งในกรณีของการรีไฟแนนซ์บ้าน เจ้าของบ้านเดิมอาจมีข้อสงสัยว่าการรีไฟแนนซ์จะต้องทำการโอนบ้านใหม่หรือไม่

รีไฟแนนซ์บ้านแล้วต้องโอนบ้านใหม่หรือไม่?

ในกรณีที่คุณทำการรีไฟแนนซ์บ้าน คุณไม่จำเป็นต้องโอนบ้านใหม่ เนื่องจากการรีไฟแนนซ์เป็นการทำสัญญาใหม่กับธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อชำระหนี้บ้านเดิม โดยกรรมสิทธิ์ในบ้านยังคงอยู่กับเจ้าของเดิม การรีไฟแนนซ์จะไม่ส่งผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์ของบ้าน

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์โดยไม่ต้องโอนบ้านใหม่

1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การไม่ต้องโอนบ้านใหม่ช่วยลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าประเมินราคา และค่าทนายความ

2. รักษาสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ: คุณยังคงเป็นเจ้าของบ้านตามเดิม ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจัดการบ้านได้ตามต้องการ

3. การจัดการหนี้ที่ง่ายขึ้น: การรีไฟแนนซ์ช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์

ข้อควรระวังในการรีไฟแนนซ์บ้าน

แม้ว่าการรีไฟแนนซ์จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรพิจารณา เช่น ค่าธรรมเนียมการรีไฟแนนซ์ที่อาจเกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงในอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่อาจทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นในระยะยาว


การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงเงื่อนไขการเงิน แต่ไม่จำเป็นต้องโอนบ้านใหม่ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ควรทำการศึกษาและวิเคราะห์เงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้การรีไฟแนนซ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ




3
ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านทางออนไลน์ การเปิดบัญชีฝากประจำนับว่าเป็นหนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากความสะดวกสบายและความรวดเร็วที่ผู้ใช้บริการได้รับ ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปิดบัญชีฝากประจำออนไลน์ ว่าสามารถทำได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

บัญชีฝากประจําออนไลน์คืออะไร?

บัญชีฝากประจําออนไลน์ เงินฝากประจำปลอดภาษี เป็นบัญชีที่ให้บริการโดยธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งผู้ฝากสามารถนำเงินไปฝากไว้ในระยะเวลาที่กำหนด โดยจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป การเปิดบัญชีประเภทนี้สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของธนาคารที่คุณเลือก

เปิดบัญชีฝากประจําออนไลน์ได้ไหม?

คำตอบคือ "ได้" โดยส่วนใหญ่แล้วธนาคารชั้นนำในประเทศไทยได้มีการพัฒนาระบบการเปิดบัญชีฝากประจําออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยคุณสามารถทำการเปิดบัญชีได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา

ขั้นตอนการเปิดบัญชีฝากประจําออนไลน์

การเปิดบัญชีฝากประจำนั้นมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้:

 1. เลือกธนาคารที่ต้องการเปิดบัญชี

ก่อนอื่นคุณควรเลือกธนาคารที่ต้องการเปิดบัญชีฝากประจํา โดยควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่างๆ ที่ธนาคารนั้นๆ เสนอ

 2. เตรียมเอกสารที่จำเป็น

เอกสารที่คุณต้องเตรียมมีดังนี้:
- บัตรประชาชนหรือเอกสารแสดงตัวตนที่ถูกต้อง
- เอกสารที่แสดงที่อยู่ เช่น บิลค่าน้ำหรือค่าไฟ
- หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่

 3. เข้าสู่ระบบออนไลน์

เข้าสู่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของธนาคารที่คุณเลือก จากนั้นเลือกเมนู "เปิดบัญชีฝากประจํา"

 4. กรอกข้อมูลส่วนตัว

กรอกข้อมูลส่วนตัวตามที่ระบบร้องขอ เช่น ชื่อ-นามสกุล, วันเกิด, ที่อยู่, และข้อมูลการติดต่อ

 5. ยืนยันตัวตน

ธนาคารจะมีระบบยืนยันตัวตน เช่น การส่งรหัส OTP ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียน เพื่อความปลอดภัย

 6. ฝากเงินครั้งแรก

หลังจากที่เปิดบัญชีสำเร็จ คุณจะต้องทำการฝากเงินครั้งแรกตามจำนวนขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนด ซึ่งสามารถทำได้ผ่านการโอนเงินจากบัญชีอื่นหรือการฝากเงินสดที่ตู้ ATM

 7. รับเอกสารยืนยัน

เมื่อทุกขั้นตอนเสร็จสิ้น คุณจะได้รับเอกสารยืนยันการเปิดบัญชีผ่านทางอีเมลหรือแอปพลิเคชันของธนาคาร

 ข้อดีของการเปิดฝากประจําดอกเบี้ยสูง

- สะดวกสบาย: สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
- รวดเร็ว: ใช้เวลาไม่นานในการเปิดบัญชี
- ดอกเบี้ยสูง: อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป
การเปิดบัญชีฝากประจําออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและผลตอบแทนที่สูงจากการฝากเงิน หากคุณกำลังมองหาวิธีการออมเงินที่มีประสิทธิภาพ การเปิดบัญชีฝากประจำน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือสนใจในการเปิดบัญชี=https://krungthai.com/th/personal/deposits/210/5เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง สามารถติดต่อธนาคารที่คุณเลือกได้โดยตรง เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและคำแนะนำที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ




4


หากถามคนทำธุรกิจที่กำลังผ่อนชำระสินเชื่อกับสถาบันการเงินว่าเรื่องไหนสร้างความหนักใจให้มากที่สุด มั่นใจหนึ่งในคำตอบนั้นก็คงหนี้ไม่พ้นระยะเวลาในการผ่อนชำระ เพราะสินเชื่อธุรกิจอย่าง สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง หรือ สินเชื่อขยายธุรกิจ เป็นสินเชื่อวงเงินสูง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ขอสินเชื่อต้องผ่อนชำระเป็นเวลานานหลายปี แต่ในความจริงแล้วหากจัดการบริหารสินเชื่ออย่างรอบคอบก็จะสามารถลดระยะเวลาในการผ่อนชำระ สินเชื่อระยะยาวได้เช่นกัน แต่จะมีวิธีไหนบ้างนั้นวันนี้เรามีคำตอบมาฝาก

เลือกสินเชื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์
ถ้าอยากตัดปัญหาผ่อนนานไปพร้อมกับลดจำนวนดอกเบี้ย แนะนำว่าควรเลือกสินเชื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่นำไปใช้ เนื่องจากสินเชื่อแต่ละประเภทมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ และโปรโมชั่นเสริมไว้อย่างเหมาะสม เช่น หากต้องการได้เงินไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจควรเลือกยื่นขอ สินเชื่อหมุนเวียน หรือ สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง มากกว่าสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างที่อาจมีระยะเวลาผ่อนชำระนานกว่า แต่ถ้าอยากได้เงินไปใช้พัฒนาระบบรักษาสิ่งแวดล้อมหรือพลังงานขององค์กร สินเชื่อ Solar Rooftop เป็นสินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะเหมาะสมทั้งในแง่วงเงิน อัตราดอกเบี้ยต่ำ และระยะเวลาผ่อนชำระคืน

เพิ่มวงเงินผ่อนชำระต่อเดือน
การเพิ่มเงินผ่อนชำระขั้นต่ำอย่างน้อย 10% - 20% ของยอดเงินที่ต้องจ่ายขั้นต่ำต่อเดือน เป็นอีกหนึ่งวิธีจัดการสินเชื่อที่นิยมใช้กันทั้งในกลุ่มบุคคลทั่วไปและองค์กรธุรกิจ เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย  ๆ  ขอเพียงมีวินัยในการผ่อนชำระทุกเดือนก็จะช่วยลดระยะเวลาในการผ่อนได้แล้ว สำหรับวิธีนี้เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้า สินเชื่อรายย่อย ที่มียอดหนี้น้อยและรายรับไม่สูงต่อเดือนเท่ากับกลุ่มธุรกิจรายใหญ่

จ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อลดวงเงินต้น
วิธีสุดท้ายคือการจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อลดยอดหนี้ให้น้อยลง ซึ่งจะส่งผลดีทั้งช่วยลดระยะเวลาและดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญาของสินเชื่อ โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่เพราะสามารถบริหารรายได้ต่อเดือนให้เปลี่ยนเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ง่ายกว่ากลุ่มลูกค้าธุรกิจรายย่อยที่มีรายรับน้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตามหากมีทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทนต่อปีต่ำกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายควรเลือกเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงินและนำมาลดเงินต้นสินเชื่อแทน โดยอาจเลือกจ่ายก้อนใหญ่ปีละ 1 - 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อยจะช่วยลดระยะเวลาผ่อนชำระลงได้
   
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับวิธีจัดการกับ สินเชื่อระยะยาว ที่เรานำมาฝากในวันนี้ จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 วิธีที่เรานำมาฝากนั้นเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ว่ากลุ่มธุรกิจไหนก็สามารถทำได้ไม่ยาก แต่ถึงอย่างนั้นนอกจากการจัดการบริหารรายได้แล้วควรจ่ายยอดหนี้ให้ตรงต่อเวลาทุกเดือนหรือตามเวลาที่กำหนดเพียงเท่านี้ก็เป็นการสร้างเครดิตให้กับองค์กรได้มากขึ้นแล้ว




5


การฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเป็นหนึ่งในวิธีการลงทุนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แต่การเริ่มต้นฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีความรู้และข้อมูลที่ถูกต้อง ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงวิธีการเริ่มต้นฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด

ทำความเข้าใจกับฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

ฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงคือบัญชีออมทรัพย์ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยปกติแล้วจะมีเงื่อนไขในการฝากเงินที่แตกต่างกันไป เช่น จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องฝาก หรือระยะเวลาที่ต้องฝากเงิน เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น

ประโยชน์ของการฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

1. ความปลอดภัย: การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และเงินของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
2. ผลตอบแทนที่ดี: อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารทั่วไปช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น
3. เข้าถึงง่าย: คุณสามารถถอนเงินได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องรอระยะเวลานาน

ขั้นตอนการเริ่มต้นฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

 1. ศึกษาข้อมูลธนาคารและผลิตภัณฑ์

ก่อนที่คุณจะเลือกฝากเงิน คุณควรทำการศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารต่าง ๆ รวมถึงเงื่อนไขการฝากเงิน เช่น จำนวนเงินขั้นต่ำและระยะเวลาที่ต้องฝาก

 2. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของธนาคาร

การเลือกธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ คุณควรตรวจสอบว่า ธนาคารนั้นมีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้มั่นใจว่าเงินของคุณจะปลอดภัย

 3. เปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

เมื่อคุณเลือกธนาคารที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง โดยคุณจะต้องเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรประชาชน และเอกสารอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด

 4. ฝากเงินและติดตามผล

หลังจากเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถทำการฝากเงินตามจำนวนที่ต้องการ และควรติดตามผลตอบแทนที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ โดยตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง

เคล็ดลับในการเพิ่มผลตอบแทน

- เลือกฝากเงินในระยะยาว: หากคุณสามารถฝากเงินในระยะยาวได้ จะช่วยให้คุณได้รับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
- ใช้โปรแกรมส่งเสริมการขาย: ธนาคารบางแห่งอาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ควรตรวจสอบและใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่นเหล่านี้
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ: อัตราดอกเบี้ยอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบและเปรียบเทียบกับธนาคารอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด

การฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในรูปแบบที่ปลอดภัยและมีผลตอบแทนที่ดี การทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการเลือกธนาคารที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการเลือกบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง สามารถติดต่อธนาคารที่คุณสนใจได้เลย!

ทรัพย์สินรอการขาย https://krungthai.com/th/content/contact-us/properties-for-sale



6
ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเลือกลงทุนในเงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการใช้เงินฝากปลอดภาษี 24 เดือนให้คุ้มค่าที่สุด

เงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน คืออะไร?

เงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน เป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่เสนอโดยธนาคาร ซึ่งจะให้ดอกเบี้ยที่ไม่ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย โดยทั่วไปแล้วจะมีระยะเวลาการฝาก 24 เดือน หรือ 2 ปี และมักจะเหมือนเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง

ข้อดีของเงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน

1. ไม่ต้องเสียภาษี: ดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากนี้จะไม่ถูกหักภาษี ทำให้คุณได้รับผลตอบแทนเต็มจำนวน
2. ความมั่นคง: เงินฝากประจำเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเงินของคุณจะปลอดภัย
3. อัตราดอกเบี้ยที่สูง: โดยปกติแล้วเงินฝากปลอดภาษีจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการฝากเงินทั่วไป

 วิธีการใช้เงินฝากปลอดภาษี 24 เดือนให้คุ้มค่า

 1. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย

ก่อนที่จะตัดสินใจฝากเงิน ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของธนาคารหรือแหล่งข้อมูลการเงินที่เชื่อถือได้

 2. วางแผนการเงิน

การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการเงินฝากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำหนดวัตถุประสงค์ในการฝากเงิน เช่น เพื่อเก็บเงินสำหรับการซื้อบ้าน หรือการศึกษาของบุตร เพื่อให้คุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน

 3. ใช้ประโยชน์จากการฝากเงิน

หากคุณมีเงินเก็บที่มากพอ ควรพิจารณาการฝากเงินในจำนวนที่สูงสุดที่ธนาคารอนุญาต เพื่อให้ได้รับดอกเบี้ยที่มากขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์จากการไม่ต้องเสียภาษีได้อย่างเต็มที่

 4. ตรวจสอบเงื่อนไขการถอนเงิน

ก่อนการฝากเงิน ควรตรวจสอบเงื่อนไขการถอนเงินให้ชัดเจน เนื่องจากบางธนาคารอาจมีค่าธรรมเนียมในการถอนเงินก่อนกำหนด หรืออาจทำให้คุณสูญเสียดอกเบี้ยที่ได้รับ

เงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่ไม่ต้องเสียภาษี การเลือกใช้เงินฝากนี้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากการลงทุนของคุณ อย่าลืมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย วางแผนการเงิน และตรวจสอบเงื่อนไขการถอนเงิน เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่าที่สุด

หากคุณสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินฝากปลอดภาษี หรือการลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินอื่น ๆ สามารถติดต่อธนาคารหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้ทันที เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและมั่นใจในอนาคตการเงินของคุณ!

เปิดบัญชีฝากประจําออนไลน์ https://krungthai.com/th/personal/deposits/209/2



7


ในยุคที่การเงินมีความซับซ้อนและหลากหลายทางเลือก การเลือกใช้สินเชื่อหรือบัตรเครดิตจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริโภคควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งสองตัวเลือกนี้มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกใช้งานในแต่ละสถานการณ์อาจส่งผลต่อการเงินของคุณในระยะยาว

 สินเชื่อ: ความยืดหยุ่นและการวางแผน

ประเภทของสินเชื่อ

สินเชื่อสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อรถยนต์ โดยแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์และเงื่อนไขการชำระเงินที่แตกต่างกัน สินเชื่อส่วนบุคคลมักจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อบ้าน แต่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า

ข้อดีและข้อเสียของสินเชื่อ

ข้อดี:
- จำนวนเงินกู้สูง: คุณสามารถกู้เงินได้มากตามความต้องการ
- ระยะเวลาชำระเงินยาว: ทำให้การชำระคืนมีความสะดวกสบาย

ข้อเสีย:
- อัตราดอกเบี้ยสูง: โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล
- ความเสี่ยงในการก่อหนี้: หากไม่วางแผนการใช้เงินให้ดี อาจส่งผลให้เกิดหนี้สินที่ไม่จำเป็น

บัตรเครดิต: ความสะดวกสบายและการใช้จ่าย

ประเภทของบัตรเครดิต

บัตรเครดิตมีหลายประเภท เช่น บัตรเครดิตทั่วไป บัตรเครดิตสะสมคะแนน หรือบัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์เฉพาะ เช่น ส่วนลดร้านค้า โดยแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน

ข้อดีและข้อเสียของบัตรเครดิต

ข้อดี:
- ความสะดวกในการชำระเงิน: สามารถใช้จ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องพกเงินสด
- สิทธิประโยชน์: บัตรเครดิตมักมีโปรโมชั่นและส่วนลดที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

ข้อเสีย:
- อัตราดอกเบี้ยสูง: หากไม่ชำระเงินเต็มจำนวนในแต่ละเดือน
- การใช้จ่ายเกินตัว: อาจทำให้เกิดปัญหาหนี้สินได้ง่าย

 การเลือกใช้สินเชื่อหรือบัตรเครดิตในแต่ละสถานการณ์

 เมื่อควรใช้สินเชื่อเงินกู้

- ต้องการเงินก้อนใหญ่: หากคุณต้องการเงินจำนวนมาก เช่น การซื้อบ้านหรือรถยนต์ สินเชื่อจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- มีแผนการชำระคืนที่ชัดเจน: หากคุณมีรายได้ที่มั่นคงและสามารถวางแผนการชำระเงินได้

 เมื่อควรใช้บัตรเครดิต

- การใช้จ่ายประจำวัน: สำหรับค่าใช้จ่ายเล็กน้อย เช่น ค่าซื้อของหรือค่าอาหาร
- ต้องการสิทธิประโยชน์: หากคุณสามารถใช้บัตรเครดิตเพื่อรับส่วนลดหรือสะสมคะแนน

การเลือกใช้สินเชื่อหรือบัตรเครดิตนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละบุคคล หากคุณต้องการเงินก้อนใหญ่และสามารถวางแผนการชำระคืนได้ สินเชื่ออาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่หากคุณต้องการความสะดวกในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บัตรเครดิตอาจตอบโจทย์มากกว่า

การตัดสินใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเงินจะช่วยให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและมั่นคงทางการเงินมากขึ้น อย่าลืมวางแผนการใช้จ่ายและตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยก่อนตัดสินใจเพื่อให้การเงินของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด

หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อหรือบัตรเครดิต อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ!


8


       เชื่อว่าเหตุผลที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตัดสินใจขอสินเชื่อธุรกิจกับธนาคารนั้นก็เนื่องจากต้องการแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายมาใช้หมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของคนทำธุรกิจในปัจจุบันเนื่องจากมีสินเชื่อให้เลือกหลากหลายแบบ แต่หากถามว่าสินเชื่อแบบไหนที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจ SME คำตอบคือ สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ ค้ำประกัน เพราะนอกจากจะไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันแล้ว การขอสินเชื่อยังสามารถขอ หนังสือค้ำประกัน ตัวช่วยชั้นดีที่จะเสริมความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้อีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปส่องจุดเด่นของ 4 สินเชื่อธุรกิจ sme ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน น่าสนใจปี 2025 มาฝาก แต่จะมีสินเชื่อไหนบ้างนั้นมาดูกันเลย

สินเชื่อ SME UOB BizMoney จากธนาคารยูโอบี
   เปิดตัว สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ ค้ำประกันสินเชื่อแรกที่อยากให้คนทำธุรกิจทุกคนรู้จักคือ สินเชื่อ SME UOB BizMoney จากธนาคารยูโอบี สินเชื่อระยะยาวที่ให้วงเงินกู้สูงถึง 5 ล้านบาท ระยะการผ่อนชำระนาน  4  ปี อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคาร แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเคยผ่านการกู้สินเชื่อมาแล้ว ดำเนินกิจการมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี ธุรกิจมีผลประกอบการเป็นบวก และมีการจดทะเบียนการค้าอย่างถูกต้อง ส่วนจุดเด่นสำคัญของสินเชื่อจากธนาคารยูโอบีนั่นคือความรวดเร็วในการอนุมัติ จึงเหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ไปขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น

สินเชื่อ SME เงินด่วนเพื่อธุรกิจ จากธนาคารกสิกรไทย
   ต้องยอมรับว่าสินเชื่อ SME เงินด่วนเพื่อธุรกิจ จากธนาคารกสิกรไทยคือ สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก ที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นได้อย่างน่าสนใจ เพราะนอกจากสามารถกู้ได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือคนค้ำประกันแล้ว  ยังสามารถยื่นกู้ได้ทุกอาชีพเพียงมีหลักฐานการเงินย้อนหลัง 6 เดือน และไม่ต้องจดทะเบียนการค้า สำหรับจุดเด่นของสินเชื่อนี้อยู่ตรงที่ความกว้างของวงเงินกู้ โดยสามารถขอกู้ได้ตั้งแต่ 20,000 – 1 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี และที่สำคัญอนุมัติไวอีกด้วย

สินเชื่อบัญชีเดียว SME Single Account Plus จากธนาคารไทยพาณิชย์
         หากผู้ประกอบการนิติบุคคลที่กำลังสนใจสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่ให้วงเงินสูงมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจ บอกเลยว่าสินเชื่อบัญชีเดียว SME Single Account Plus จากธนาคารไทยพาณิชย์เป็นคำตอบที่ตามหาอยู่แน่นอน เพราะสินเชื่อนี้ให้วงเงินกู้สูงถึง 50 ล้านบาท ทั้งยังมีวงเงินหลากหลายให้เลือก ทั้งวงเงิน สินเชื่อ od ตั๋วสัญญาใช้เงิน สินเชื่อเพื่อการนำเข้าและส่งออกทุกประเภท และหนังสือค้ำประกัน นอกจากนั้นยังได้รับสิทธิพิเศษจากพาร์ตเนอร์ของ SCB มากกมายอีกด้วย

สินเชื่อฟื้นฟูเพื่อธุรกิจ จากธนาคารกรุงไทย
       สำหรับสินเชื่อสุดท้ายคือ สินเชื่อฟื้นฟูเพื่อธุรกิจ จากธนาคารกรุงไทย สินเชื่อsmeดอกเบี้ยต่ำ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ด้วยการคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 2 ปี ไม่เกิน  2% เฉลี่ย 5 ปี ไม่เกิน 5% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุดได้ถึง 10 ปี ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ซึ่งขอกู้ได้ทั้งลูกค้าเก่าวงเงินกู้สูงสุด 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจ สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท และลูกค้าใหม่วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท

         เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 4 สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อพ่อค้าแม่ค้าที่นำมาฝากในวันนี้ ซึ่งแต่ละสินเชื่อจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจแนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลของแต่ละสินเชื่ออย่างละเอียด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เลือกสินเชื่อได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองได้ง่ายขึ้น



9

          ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวน การมีสินเชื่อบุคคลธรรมดาเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนในการใช้จ่ายหรือทำธุรกิจ แต่สินเชื่อบุคคลธรรมดาคืออะไร? ใครสามารถขอสินเชื่อนี้ได้บ้าง? บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับสินเชื่อบุคคลธรรมดาอย่างละเอียด

สินเชื่อบุคคลธรรมดาคืออะไร?
     สินเชื่อบุคคลธรรมดาคือเงินกู้ที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินให้แก่บุคคลทั่วไป โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งทำให้ผู้กู้สินเชื่อสามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายและรวดเร็ว โดยทั่วไปแล้วสินเชื่อบุคคลจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น ๆ เนื่องจากไม่มีหลักประกันที่ชัดเจน

ประเภทของสินเชื่อบุคคลธรรมดา
สินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไป: เป็นสินเชื่อเงินกู้ที่ให้เงินกู้ตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้
สินเชื่อรีไฟแนนซ์: สำหรับผู้ที่มีหนี้สินอยู่แล้ว ต้องการรวมยอดหนี้เพื่อให้ชำระง่ายขึ้น
สินเชื่อเพื่อการศึกษา: สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษา ที่ต้องการเงินทุนในการศึกษา

ใครขอสินเชื่อบุคคลธรรมดาได้บ้าง?
การขอสินเชื่อบุคคลธรรมดาไม่ใช่เรื่องยาก แต่มีข้อกำหนดบางประการที่ผู้ขอสินเชื่อต้องปฏิบัติตาม
1. อายุ
ผู้ขอสินเชื่อต้องมีอายุระหว่าง 20 ปี ถึง 60 ปี โดยบางสถาบันการเงินอาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป
2. สถานะการเงิน
ผู้ขอสินเชื่อต้องมีรายได้ประจำที่สามารถพิสูจน์ได้ โดยปกติจะต้องมีเอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือเอกสารการทำธุรกิจ
3. ประวัติการชำระหนี้
ประวัติการชำระหนี้ที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อ โดยผู้ขอสินเชื่อควรตรวจสอบเครดิตบูโรของตนเองก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ

ขั้นตอนการขอสินเชื่อบุคคลธรรมดา
เลือกสถาบันการเงิน: เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการกู้ยืมจากหลาย ๆ แห่ง
เตรียมเอกสาร: รวมถึงบัตรประชาชน, สลิปเงินเดือน, และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ยื่นขอสินเชื่อ: สามารถทำได้ทั้งที่สาขาและออนไลน์
รอการอนุมัติ: โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-3 วันทำการ

ข้อดีและข้อเสียของสินเชื่อบุคคลธรรมดา

ข้อดี
เข้าถึงง่าย: ไม่ต้องใช้หลักประกัน
เงินกู้รวดเร็ว: ได้รับเงินภายในระยะเวลาสั้น
ใช้เงินได้ตามต้องการ: ไม่มีข้อจำกัดในการใช้เงิน

ข้อเสีย
อัตราดอกเบี้ยสูง: สูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น
เสี่ยงต่อการเป็นหนี้: หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

       สินเชื่อบุคคลธรรมดาเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนอย่างรวดเร็ว แต่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่สูง

        หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับสินเชื่อบุคคลธรรมดา สามารถสมัครสินเชื่อหรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้เลย! การทำความเข้าใจสินเชื่อบุคคลธรรมดาจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น และสามารถใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพในชีวิตประจำวันหรือธุรกิจของคุณ




10
   

          ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มีบทบาทสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเข้าด้วยกันโดยมีระบบดิจิทัลเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ชีวิตวิถีใหม่ง่ายและสะดวกขึ้น ธนาคารออนไลน์ก็เช่นกันจากการทำธุรกรรมง่าย ๆ เช่น โอนเงิน จ่ายเงิน จ่ายบิล ชอปปิง บน Mobile Baking หรือ Internet Banking ทุกวันนี้เราสามารถ เปิดบัญชีออนไลน์  ได้ด้วยตนเองแล้วโดยผ่านไม่กี่ขั้นตอนง่าย ๆ ไม่จำเป็นต้องไปธนาคารอีกต่อไป

          สิ่งหนึ่งที่ผู้คนมักจะวิตกกังวลเมื่อต้องทำธุรกรรมออนไลน์นั่นคือเรื่องความปลอดภัย หากแต่เว็บไซต์และ Mobile Banking ของแต่ละธนาคารต่างมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี โดยเฉพาะการ เปิดบัญชี ออนไลน์ครั้งแรกนั้นต้องผ่านการยืนยันตัวตนในระบบ NDID เสียก่อน
National Digital ID หรือ NDID คือการยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัลด้วยการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าโดยมีจุดประสงค์เพื่อความสะดวกในการสมัครใช้บริการต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์โดยไม่ต้องไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารอีกต่อไป เมื่อมีข้อมูลการยืนยันตัวตนในระบบเรียบร้อยแล้ว สามารถดึงข้อมูลนี้ไปใช้ได้กับทุกธนาคารที่อยู่ในระบบของ NDID ซึ่งมีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากล ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยืนยันตัวตนที่ธนาคาร ทั้งยังเป็นบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแต่ต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป สัญชาติไทยและไม่มีรายชื่ออยู่ใน Thailand/UN Sanction List

         การ เปิดบัญชีออนไลน์ มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน ใช้แค่สมาร์ทโฟนเท่านั้นและควรเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนไว้ใกล้ตัวเนื่องจากต้องใช้ในการกรอกข้อมูลบางส่วน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการเปิดบัญชี ออนไลน์ของเกือบทุกธนาคารจะมีลักษณะคล้ายกัน แตกต่างกันแค่รายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น การ เปิดบัญชีออนไลน์ครั้งแรก ของธนาคารกรุงไทยมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT > เข้าสู่ระบบ แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT เลือกเมนู “บริการ” > กดเปิดบัญชีด้วยบริการ NDID เพื่อ ยืนยันตัวตนเปิดบัญชีออนไลน์ > กดยอมรับเงื่อนไขและกรอกข้อมูลส่วนตัวตามลำดับ > ใส่ PIN เพื่อยืนยันการลงทะเบียนแล้วทำตามขั้นตอนจนเสร็จสิ้นกระบวนการ

         สำหรับข้อดีของการ เปิดบัญชี ออนไลน์กับ Krungthai NEXT นั้น ประการแรกคือสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม มีความปลอดภัยสูงด้วยระบบสแกนใบหน้า ไม่ต้องกังวลใจเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร ทั้งยังให้ผลตอบแทนสูงโดยให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 1.50% ต่อปี สำหรับเงินฝากหนึ่งล้านบาทแรก ส่วนที่เกินจากหนึ่งล้านแรกจะได้รับดอกเบี้ย 0.5% โดยคิดอัตราดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง ในเดือนมิถุนายนและธันวาคม การเปิดบัญชีออนไลน์เป็นการทำธุรกรรมทางการเงินที่แสนง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัสแต่วางใจได้ว่ามีปลอดภัยสูงจึงตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องการความคล่องตัว รวดเร็ว และสะดวก

         นอกจากฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ใช้งานง่ายแล้ว Krungthai NEXT ยังสะดวกต่อการใช้บริการตามโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐด้วย [urlชhttps://krungthai.com/th/personal/cash-management/ktb-promptpay/169]พร้อมเพย์ [/url]จ่ายค่าไฟ  ชำระค่าไฟจึงเป็นแอปพลิเคชันที่อยากจะแนะนำให้มีไว้ใช้งานบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ



11


การตัดสินใจเกี่ยวกับการเงินที่เกี่ยวข้องกับบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญและซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการจำนองบ้านและการขายฝาก ซึ่งทั้งสองวิธีนี้มีลักษณะและเงื่อนไขที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างจำนองบ้านและขายฝาก เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

ความหมายของจำนองบ้าน

การจำนองบ้านคือการที่เจ้าของบ้านนำบ้านไปเป็นหลักประกันในการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร โดยเจ้าของบ้านยังคงเป็นเจ้าของบ้านอยู่ แต่ต้องชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันไว้ หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารมีสิทธิ์ที่จะยึดบ้านนั้นได้

ข้อดีของการจำนองบ้าน เอาบ้านเข้าธนาคาร

1. เงินทุนหมุนเวียน: สามารถกู้เงินจำนวนมากเพื่อใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การลงทุนหรือการซ่อมแซมบ้าน
2. ยังคงเป็นเจ้าของ: เจ้าของบ้านยังคงมีสิทธิ์ในการใช้งานบ้านตามปกติ
3. อัตราดอกเบี้ยต่ำ: โดยทั่วไป อัตราดอกเบี้ยในการจำนองบ้านมักจะต่ำกว่าการกู้เงินประเภทอื่น

ข้อเสียของการจำนองบ้าน

1. ความเสี่ยงในการสูญเสียบ้าน: หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารสามารถยึดบ้านได้
2. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: อาจมีค่าใช้จ่ายในการประเมินมูลค่าบ้านและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

ความหมายของการขายฝาก

การขายฝากคือการที่เจ้าของบ้านขายบ้านให้กับผู้ซื้อ โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ขายสามารถซื้อคืนบ้านได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะมีการกำหนดราคาซื้อคืนที่ชัดเจน

ข้อดีของการขายฝาก

1. เงินสดทันที: เจ้าของบ้านจะได้รับเงินสดทันทีจากการขายฝาก
2. ลดความเสี่ยง: หากเจ้าของบ้านสามารถซื้อคืนได้ตามเงื่อนไข จะไม่ต้องเสี่ยงสูญเสียบ้าน

ข้อเสียของการขายฝาก

1. การสูญเสียสิทธิ์ในบ้าน: หากไม่สามารถซื้อคืนภายในเวลาที่กำหนด บ้านจะเป็นของผู้ซื้อ
2. ราคาซื้อคืนสูง: ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อคืนอาจสูงกว่าราคาขายฝาก

สรุปความแตกต่าง

| คุณสมบัติ          | จำนองบ้าน                      | ขายฝาก                          |
|-------------------|--------------------------------|---------------------------------|
| เจ้าของบ้าน       | ยังคงเป็นเจ้าของ              | สูญเสียสิทธิ์ในบ้าน           |
| การรับเงิน        | ได้เงินกู้จากธนาคาร           | ได้เงินสดทันที                  |
| ความเสี่ยง        | สูญเสียบ้านหากไม่ชำระหนี้    | สูญเสียบ้านหากไม่ซื้อคืน       |
| อัตราดอกเบี้ย    | ต่ำกว่าการกู้เงินประเภทอื่น   | ไม่มีอัตราดอกเบี้ย             |

คำแนะนำในการเลือก

การเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินและความต้องการของคุณ หากคุณต้องการเงินทุนหมุนเวียนและยังต้องการรักษาสิทธิ์ในบ้านบ้านแลกเงิน  การจำนองบ้านอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่หากคุณต้องการเงินสดทันทีและมั่นใจว่าคุณจะสามารถซื้อคืนได้ การขายฝากอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า


การจำนองบ้านและการขายฝากมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและมั่นใจมากขึ้น หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำปรึกษาเกี่ยวกับการจำนองบ้านหรือขายฝาก สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ได้เลย!



12
ในยุคที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน การมีเงินสำรองฉุกเฉินเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ เช่น การสูญเสียงาน หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และว่ามันเหมาะสมกับการใช้เป็นเงินสำรองฉุกเฉินหรือไม่

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์คืออะไร?

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นบัญชีที่เปิดโดยธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ฝากสามารถฝากเงินและรับดอกเบี้ยจากเงินที่ฝากไว้ โดยทั่วไปแล้วบัญชีนี้มักเป็นเงินฝากดอกเบี้ยสูงมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป แต่ต่ำกว่าบัญชีเงินฝากประจำ

คุณสมบัติของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์

1. ดอกเบี้ย: บัญชีเงินฝากออมทรัพย์มักมีอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้ ซึ่งช่วยให้เงินของคุณเติบโตขึ้น
2. การเข้าถึงเงิน: คุณสามารถถอนเงินได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
3. ความปลอดภัย: เงินที่ฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยมีการประกันเงินฝากจากธนาคารแห่งประเทศไทย

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เหมาะกับเงินสำรองฉุกเฉินหรือไม่?

 ข้อดีของการใช้บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นเงินสำรองฉุกเฉิน

1. เข้าถึงง่าย: คุณสามารถถอนเงินได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยไม่ต้องรอเวลา
2. ดอกเบี้ย: ถึงแม้จะไม่สูงมาก แต่การได้รับดอกเบี้ยจากเงินที่ฝากไว้ก็เป็นข้อดีเมื่อเปรียบเทียบกับการเก็บเงินสดไว้ที่บ้าน
3. ปลอดภัย: การฝากเงินในธนาคารมีความปลอดภัยมากกว่าการเก็บเงินสดไว้ที่บ้าน

 ข้อเสียของการใช้บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นเงินสำรองฉุกเฉิน

1. อัตราดอกเบี้ยต่ำ: อัตราดอกเบี้ยอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เงินของคุณเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
2. ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ: หากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับ คุณอาจสูญเสียมูลค่าเงินในระยะยาว
3. ข้อจำกัดในการฝาก: บางธนาคารอาจมีข้อจำกัดในการฝากเงินหรือถอนเงินในบางช่วงเวลา

 คำแนะนำในการเลือกบัญชีเงินฝากออมทรัพย์

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะใช้บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นเงินสำรองฉุกเฉิน ควรพิจารณาเลือกบัญชีที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงและไม่มีค่าธรรมเนียมในการถอนเงิน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ ที่ธนาคารกำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากบัญชีนี้



บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน เนื่องจากมีความสะดวกสบายและปลอดภัย แต่ควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยและความเสี่ยงจากเงินเฟ้อด้วย หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการเงินสำรองฉุกเฉิน หรือคำแนะนำในการเลือกบัญชีเงินฝากที่เหมาะสมเช่น บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญทางการเงินได้


หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางแผนการเงินและการเลือกบัญชีเงินฝากที่เหมาะสมกับคุณ อย่าลืมติดตามบทความและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน เพื่อให้คุณสามารถจัดการเงินของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย!



13
ฟรีแลนซ์ พนักงานออฟฟิศ หรือแม่บ้าน...ใครควรมีประกันอุบัติเหตุ

ในยุคที่การทำงานมีความหลากหลายมากขึ้น การเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการประกันอุบัติเหตุที่สามารถช่วยปกป้องคุณจากความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าฟรีแลนซ์ พนักงานออฟฟิศ และแม่บ้าน ควรมีประกันอุบัติเหตุหรือไม่ และทำไมถึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา

 ความสำคัญของประกันอุบัติเหตุ
ประกันอุบัติเหตุเป็นการประกันที่ช่วยคุ้มครองคุณจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น อุบัติเหตุที่อาจทำให้คุณได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยทั่วไปแล้วประกันอุบัติเหตุจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดจากอุบัติเหตุ

 ฟรีแลนซ์: ความเสี่ยงที่ควรพิจารณา

ฟรีแลนซ์มักจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน และอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการทำงานที่บ้านหรือที่อื่น ๆ ที่ไม่ใช่สำนักงาน การไม่มีประกันอุบัติเหตุอาจทำให้คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่สูงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงเหล่านี้

 ข้อดีของการมีประกันอุบัติเหตุสำหรับฟรีแลนซ์

1. การคุ้มครองทางการเงิน: ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
2. ความมั่นใจในการทำงาน: ทำให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
3. การดูแลสุขภาพ: ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้รวดเร็ว

 พนักงานออฟฟิศ: ความปลอดภัยในที่ทำงาน

สำหรับพนักงานออฟฟิศ แม้ว่าจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดูปลอดภัย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การลื่นล้ม หรือการบาดเจ็บจากการทำงานที่ไม่ถูกท่า การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นการป้องกันที่ดีเพื่อให้คุณได้รับการดูแลเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

 ข้อดีของการมีประกันอุบัติเหตุสำหรับพนักงานออฟฟิศ

1. การคุ้มครองจากอุบัติเหตุในที่ทำงาน: ช่วยให้คุณได้รับการดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
2. การลดความเครียด: ลดความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
3. การสนับสนุนจากบริษัท: บางบริษัทอาจมีการสนับสนุนค่าเบี้ยประกันให้กับพนักงาน

 แม่บ้าน: การดูแลที่บ้าน

แม่บ้านมักจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การทำความสะอาดบ้านหรือการดูแลเด็ก การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อปกป้องตัวเองจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในขณะทำงาน

 ข้อดีของการมีประกันอุบัติเหตุสำหรับแม่บ้าน

1. การคุ้มครองจากอุบัติเหตุที่บ้าน: ช่วยให้คุณได้รับการดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุในขณะทำงาน
2. ความมั่นใจในการทำงาน: ทำให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
3. การดูแลสุขภาพ: ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้รวดเร็ว

ไม่ว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์ พนักงานออฟฟิศ หรือแม่บ้าน การมีประกันอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรพิจารณา เพื่อปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน การทำความเข้าใจในความเสี่ยงและการเตรียมความพร้อมจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

หากคุณยังไม่มีประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ แนะนำให้คุณพิจารณาเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจในทุกๆ วัน




14

ถ้าคุณใช้โทรศัพท์ระบบเติมเงิน E-Wallet หรือ Easy Pass คุณจะคุ้นเคยกับการ เติมเงินออนไลน์ ด้วย Mobile Banking หรือการเติมเงินผ่านแอปธนาคาร แต่ถ้าคุณไม่คุ้นเคยเพราะยังไม่เคยใช้บริการนี้เราจะเปิดข้อดีของการเติมเงินวิธีนี้กัน แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นเรามาดูข้อดีของโทรศัพท์ระบบเติมเงิน E-Wallet และ Easy Pass กันก่อน เผื่อจะมีบางคนสนใจใช้งานและเติมเงินออนไลน์ผ่านแอปธนาคารไปพร้อมกับเรา

โทรศัพท์ระบบเติมเงิน เป็นการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เราต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า หรือ เติมเงินมือถือ เข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ มีความสะดวกและรวดเร็วในการเปิดใช้งาน สามารถควบคุมค่าบริการได้ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานน้อยหรือปริมาณการใช้งานไม่แน่นอนเพราะจ่ายค่าบริการตามที่ใช้จริง และไม่มีการกำหนดปริมาณใช้งานขั้นต่ำ แต่มีกำหนดระยะเวลาการ เติมเงินมือถือ ตามเงื่อนไขของผู้ให้บริการ

E-Wallet หรือที่เรียกกันว่ากระเป๋าเงินออนไลน์ หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล  บัตรเติมเงินเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ เติมบัตรโดยสาร และอื่น ๆ สามารถใช้ซื้อของออนไลน์ได้ และสามารถใช้ในต่างประเทศได้ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ) เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิต ใช้งานได้เหมือน Mobile Banking แต่พื้นที่ใช้งานน้อยกว่า มีข้อดีคือมีรายการส่งเสริมการขาย มีส่วนลด และหากในกรณีเกิดความเสียหาย ความเสียหายจะถูกจำกัดแค่ยอดเงินคงเหลือใน E-Wallet

Easy Pass เป็นบัตรที่ใช้ในระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยผู้ใช้บริการสามารถขับรถผ่านช่องทางพิเศษที่มีป้ายแสดงคำว่า Easy Pass ได้ทันที สามารถใช้บัตร Easy Pass ได้ที่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย นอกจากนี้บัตร Easy Pass ยังสามารถใช้ชำระค่าบริการ M-Flow สำหรับสมาชิกได้ด้วย

ข้อดีของการ เติมเงิน ผ่านแอปธนาคารเมื่อเปรียบเทียบกับการเติมเงินวิธีอื่นพอจะสรุปได้ดังนี้
ไม่ต้องเดินทางเพราะอยู่ที่ไหนก็เติมเงินได้
ไม่ต้องพกเงินสดเพื่อใช้ในการเติมเงิน
ใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ไม่มีค่าธรรมเนียม
ตั้งวันที่ทำรายการได้ล่วงหน้าเพื่อให้การใช้บริการเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือเพื่อใช้ควบคุมค่าใช้จ่ายรายเดือนได้

ขั้นตอนการเติมเงินที่มีแค่ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ
เลือก “เติมเงิน” และเลือกค่ายโทรศัพท์มือถือ E-Wallet ที่เราต้องการ หรือเลือก Easy Pass
ใส่หมายเลขอ้างอิง ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือหมายเลข E-Wallet หรือหมายเลข S/N ของบัตร Easy Pass ที่ต้องการเติมเงิน
ระบุยอดเงินและกดยืนยัน แค่นี้เงินก็ถูกเติมเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ หรือ E-Wallet หรือบัตร Easy Pass ของคุณแล้ว

การให้บริการ เติมเงิน ของแต่ละธนาคารอาจแตกต่างกัน เช่น Krungthai NEXT ของธนาคารกรุงไทย ให้บริการเติมเงินบัตร M-Pass และบัตรเงินสดประเภทเติมเงินของ PTT หรือ SCB Easy ของธนาคารไทยพาณิชย์ ให้บริการเติม VPlus Wallet ซึ่งเป็น E-Wallet ของวิลล่ามาร์เก็ท เป็นต้น

ไม่ใช่แค่การเติมเงินออนไลน์ Mobile Banking ยังมีบริการอื่นที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ทำได้อีก เช่น การจ่ายบิล การกดเงินไม่ใช้บัตร การขอตรวจสอบเครดิตบูโร การซื้อประกันการเดินทาง การซื้อบัตรชมภาพยนตร์ เป็นต้น

การ เติมเงินออนไลน์ ด้วย Mobile Banking มีความสะดวก สามารถใช้บริการที่ไหนก็ได้ ใช้งานง่าย สามารถตั้งเวลาการเติมเงินได้ล่วงหน้า มีความรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางหรือเข้าแถวรอรับบริการ และไม่มีค่าธรรมเนียม เริ่มต้นการใช้งานก็ง่ายแค่คุณมีสมาร์ทโฟน มีอินเทอร์เน็ต โหลดแอปธนาคารมาแล้วก็ใช้งานได้เลย

บัตรเติมน้ำมัน https://krungthai.com/th/personal/cards/cash-card-top-up-card/310


15
การเลือกซื้อประกันสุขภาพนั้น สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการมากที่สุดคือ วงเงินค่ารักษาพยาบาลที่คุ้มครองครอบคลุมในทุกส่วนเมื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล เนื่องจากปัจจุบันค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งแม้ว่าจะมีทางเลือกใช้บริการโรงพยาบาลของรัฐที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นโรงพยาบาลรัฐก็มีผู้เข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก จึงทำให้คนวัยเรียนวัยทำงานส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวก ด้วยเหตุนี้ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายจึงเป็นหนึ่งในประกันสุขภาพที่หลายคนเลือก แต่ซื้อแล้วคุ้มค่าอย่างไร มาดูเหตุผลต่อไปนี้กัน

วงเงินค่ารักษาพยาบาลสูง
ถ้าอยากได้ประกันสุขภาพที่ให้วงเงินการรักษาต่อครั้งสูง เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนที่มีทั้งความสะดวกรวดเร็วและให้บริการที่มีคุณภาพกว่าโรงพยาบาลของรัฐ บอกเลยว่า ประกันเหมาจ่าย คือ ประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เพราะประกันประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามจริงครอบคลุมทุกหมวดค่าใช้จ่าย ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษาพยาบาลไม่เกินวงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อปี นอกจากนั้นยังสามารถใช้ร่วมกับประกันกรมธรรม์อื่นเพื่อเพิ่มวงเงินในการรักษาพยาบาลได้อีกด้วย

คุ้มครองหลากหลายโรค
ความคุ้มครองที่ครอบคลุมหลายโรคถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ ประกันเหมาจ่าย แตกต่างจากประกันแบบอื่น อย่างประกันคุ้มครองโรคมะเร็งก็จะให้ความคุ้มครองเมื่อผู้ทำประกันตรวจพบโรคมะเร็งเท่านั้น แต่กรณีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะให้ความคุ้มครองที่หลากหลายมากกว่า เช่น ประกันสุขภาพออนไลน์ Easy Health Top Up ที่นอกจากจะคุ้มครองในส่วนของการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแล้ว ยังคุ้มครองในกรณีป่วยด้วยโรคโควิด-19 การแพ้วัคซีน และโรคมะเร็งด้วย

คุ้มครองทั้งกรณี OPD และ IPD
เวลาทำประกันสุขภาพ แน่นอนว่าเรื่องแรกที่หลายคนให้ความสนใจคือ วงเงินรักษาพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นควรให้ความสำคัญเรื่องเงื่อนไขสถานะผู้ป่วยเวลาเข้ารับการรักษาด้วย เนื่องจากบางกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองเฉพาะ ipd คือ กรณีเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลจึงจะสามารถใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ได้ แต่ไม่คุ้มครองในกรณี opd คือ ผู้ป่วยนอก แต่หากทำ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ก็จะสามารถตัดปัญหาเรื่องนี้ไปได้ เพราะว่า ประกันเหมาจ่าย ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณี OPD และ IPD เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะป่วยน้อยป่วยมาก ถ้ามีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายอยู่ ก็สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ โดยได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์

   ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เป็นประกันสุขภาพที่คุ้มค่าและหลากหลาย เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย สำหรับการเลือกซื้อนั้น นอกจากดูเรื่องความคุ้มค่าแล้ว ก่อนตัดสินใจจ่ายค่าเบี้ยประกันต้องพิจารณารายละเอียดความคุ้มครอง ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ เงื่อนไขในการเข้ารับการรักษาอย่างละเอียด และที่สำคัญคือ เบี้ยประกันที่เหมาะสมและสามารถจ่ายได้ จะช่วยให้เลือกประกันชีวิตสุขภาพแบบเหมาจ่ายได้ตรงกับความต้องการ ได้รับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลที่มีคุณภาพและสะดวกรวดเร็ว




หน้า: [1] 2 3 ... 9