แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - radnana

หน้า: [1] 2 3 ... 8
1
ในชีวิตประจำวันของเรา อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน การทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการอยู่ที่บ้าน การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้เราได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับประกันอุบัติเหตุและความจำเป็นในการมีประกันนี้ในชีวิตประจำวันกัน

ประกันอุบัติเหตุคืออะไร? ต่างจากประกันสุขภาพ อย่างไร

ประกันอุบัติเหตุ (Accident Insurance) เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยคุ้มครองผู้เอาประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยประกันอุบัติเหตุจะจ่ายเงินชดเชยตามเงื่อนไขที่กำหนดในกรมธรรม์ เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยรายได้ในกรณีที่ไม่สามารถทำงานได้ หรือเงินชดเชยในกรณีที่เกิดการเสียชีวิต

ทำไมต้องมีประกันอุบัติเหตุ?

 1. คุ้มครองค่าใช้จ่ายทางการแพทย์

เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอาจสูงมาก ประกันอุบัติเหตุจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเงินในช่วงเวลาที่คุณต้องการการรักษา

 2. ชดเชยรายได้

ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและทำให้ไม่สามารถทำงานได้ ประกันอุบัติเหตุจะช่วยชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป ทำให้คุณสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้โดยไม่ต้องเครียดเรื่องการเงิน

 3. ความมั่นใจในการใช้ชีวิต

การมีประกันอุบัติเหตุช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน คุณสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสบายใจ โดยรู้ว่าคุณมีการคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

ประกันอุบัติเหตุมีประเภทใดบ้าง?

ประกันอุบัติเหตุมีหลายประเภท ซึ่งรวมถึง:

- ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล: คุ้มครองผู้เอาประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม: คุ้มครองกลุ่มคน เช่น พนักงานในองค์กร
- ประกันอุบัติเหตุเดินทาง: คุ้มครองในระหว่างการเดินทาง

คำแนะนำในการเลือกประกันอุบัติเหตุ

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำประกันอุบัติเหตุ ควรพิจารณาเงื่อนไขและความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ เช่น:

- วงเงินคุ้มครอง: ควรเลือกวงเงินที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
- เงื่อนไขการจ่ายเงิน: ตรวจสอบว่าเงื่อนไขการจ่ายเงินเป็นอย่างไร
- ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน: ควรเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือ


การมีประกันอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณได้รับการคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทั้งนี้การเลือกประกันที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ หากคุณยังไม่มีประกันอุบัติเหตุ ลองพิจารณาทำในวันนี้ เพื่อความปลอดภัยและความคุ้มครองที่ดีกว่าในอนาคต

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต  หรือคำแนะนำในการเลือกประกันที่เหมาะสม สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยได้ทันที!



2


การฝากประจำเป็นหนึ่งในวิธีการลงทุนที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่แน่นอน โดยเฉพาะการฝากประจำดอกเบี้ยสูง ที่หลายคนสงสัยว่าจริง ๆ แล้วจะเป็นเงินฝากดอกเบี้ยสูงตามที่โฆษณาหรือไม่ ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการฝากประจำดอกเบี้ยสูง

ฝากประจำดอกเบี้ยสูงคืออะไร?

การฝากประจำดอกเบี้ยสูงคือการฝากเงินในบัญชีประเภทฝากประจำที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยปกติแล้ว ธนาคารจะกำหนดระยะเวลาฝากที่แน่นอน เช่น 6 เดือน 1 ปี หรือ 2 ปี และผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าปกติในช่วงระยะเวลานั้น

 ข้อดีของเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง

1. ผลตอบแทนที่แน่นอน: บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในการลงทุน

2. ความเสี่ยงต่ำ: การฝากเงินในธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือจะทำให้เงินของคุณปลอดภัยจากความเสี่ยงทางการเงิน

3. วางแผนการเงินได้ง่าย: การรู้ว่าเงินของคุณจะเติบโตขึ้นในอัตราเท่าไหร่ในระยะเวลาที่กำหนด ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการใช้จ่ายและการลงทุนในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

 ข้อเสียของการฝากประจำดอกเบี้ยสูง

1. การเข้าถึงเงินที่จำกัด: เมื่อคุณฝากเงินในบัญชีฝากประจำ คุณจะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จนกว่าจะถึงกำหนดระยะเวลา ซึ่งอาจทำให้คุณไม่สามารถเข้าถึงเงินในกรณีฉุกเฉิน

2. อัตราดอกเบี้ยที่อาจไม่สูงเท่าที่คิด: บางครั้งธนาคารอาจมีการโฆษณาอัตราดอกเบี้ยที่สูง แต่เมื่อพิจารณาเงื่อนไขและระยะเวลาฝากแล้ว อาจพบว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจริง ๆ นั้นต่ำกว่าที่คาดหวัง

3. ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ: หากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับ อาจทำให้มูลค่าของเงินที่คุณฝากลดลงในระยะยาว

 สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนการฝากประจำดอกเบี้ยสูง

1. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย: ควรทำการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารต่าง ๆ เพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด

2. ตรวจสอบเงื่อนไขการฝาก: อ่านเงื่อนไขการฝากให้ละเอียด เช่น ระยะเวลาฝากขั้นต่ำ การถอนเงินก่อนกำหนด และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

3. เลือกธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือ: ควรเลือกฝากกับธนาคารที่มีชื่อเสียงและมีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของเงินทุน


การฝากประจำดอกเบี้ยสูงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในการลงทุน แต่ควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบ รวมถึงการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากธนาคารต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด หากคุณกำลังมองหาวิธีการลงทุนที่ปลอดภัยและมั่นคง การฝากประจำอาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมสำหรับคุณ






3


ในยุคที่การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมสามารถช่วยให้คุณมีความมั่นคงในอนาคต หนึ่งในทางเลือกที่หลายคนมักพิจารณาคือ "เงินฝาก" ซึ่งมีหลายประเภทให้เลือก วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจและเปรียบเทียบระหว่าง "เงินฝากธรรมดา" และ "เงินฝาก พร้อมประกันอุบัติเหตุ" เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เงินฝากธรรมดาคืออะไร?

เงินฝากธรรมดา เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่คุณสามารถฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารได้ โดยจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด โดยทั่วไปแล้วเงินฝากประเภทนี้มีความปลอดภัยสูง และสามารถถอนเงินได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขพิเศษ

ข้อดีของเงินฝากธรรมดา

1. ความปลอดภัยสูง: เงินฝากธรรมดามีการคุ้มครองจากรัฐบาลในกรณีที่ธนาคารล้มละลาย
2. ดอกเบี้ยที่แน่นอน: คุณจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารประกาศ ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้ง่าย
3. ความยืดหยุ่น: สามารถถอนเงินได้ตามต้องการ

ข้อเสียของเงินฝากธรรมดา

1. อัตราดอกเบี้ยต่ำ: อาจไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงพอเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น
2. ไม่มีความคุ้มครองเพิ่มเติม: ไม่มีกลไกคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

เงินฝากพร้อมประกันอุบัติเหตุคืออะไร?

เงินฝากพร้อมประกันอุบัติเหตุ เป็นผลิตภัณฑ์ที่รวมการฝากเงินเข้าบัญชีและการประกันอุบัติเหตุในหนึ่งเดียว โดยผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย

ข้อดีของเงินฝากพร้อมประกันอุบัติเหตุ
1. ความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น: มีการประกันอุบัติเหตุที่ช่วยให้คุณได้รับเงินชดเชยในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
2. ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น: บางธนาคารอาจเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการฝากเงินธรรมดา
3. การวางแผนการเงินที่ดีขึ้น: คุณสามารถมีเงินออมและความคุ้มครองในเวลาเดียวกัน

ข้อเสียของเงินฝากพร้อมประกันอุบัติเหตุ

1. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: อาจมีค่าใช้จ่ายในการทำประกัน ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนลดลง
2. เงื่อนไขการเคลม: อาจมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนในการเคลมประกัน


การเลือกบัญชีเงินฝากที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละบุคคล หากคุณต้องการความปลอดภัยและไม่ต้องการความยุ่งยาก เงินฝากธรรมดาอาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากคุณต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมและยินดีที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เงินฝากพร้อมประกันอุบัติเหตุอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า


- พิจารณาความต้องการ: คิดให้รอบคอบเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการจากการฝากเงิน
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย: ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารต่าง ๆ
- อ่านเงื่อนไขให้ละเอียด: ทำความเข้าใจเงื่อนไขและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญทางการเงินได้เลย!



4


การลดหย่อนภาษีเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2568 นี้ หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่ บทความนี้จะตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีในปีนี้

## 1. การลดหย่อนภาษีคืออะไร?

การลดหย่อนภาษีคือการอนุญาตให้ผู้เสียภาษีสามารถหักค่าใช้จ่ายบางอย่างออกจากรายได้ที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายภาษีในปีนั้น ๆ โดยทั่วไปแล้ว การลดหย่อนภาษีจะมีหลายประเภท เช่น ค่าใช้จ่ายในการศึกษา การบริจาคระบบ e-donation e donation ลดหย่อนภาษี การประกันชีวิต และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

## 2. ใครสามารถขอลดหย่อนภาษีได้บ้าง?

ผู้ที่สามารถขอลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากการทำงานหรือกิจการต่าง ๆ รวมถึงผู้ที่มีรายได้จากการลงทุน อย่างไรก็ตาม การลดหย่อนภาษีจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยกรมสรรพากร

## 3. ลดหย่อนภาษีปี 2568 มีอะไรใหม่บ้าง?

ในปี 2568 นี้ มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์การลดหย่อนภาษีหลายประการ เช่น การเพิ่มวงเงินการลดหย่อนสำหรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาและการบริจาคให้กับองค์กรการกุศล บริจาคออนไลน์ e donation นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถลดภาษีได้มากขึ้น

## 4. เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการขอลดหย่อนภาษีคืออะไร?

การขอลดหย่อนภาษีจะต้องมีเอกสารที่แสดงหลักฐานการใช้จ่าย เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบรับรองการบริจาค และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยควรจัดเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้ครบถ้วนเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

## 5. วิธีการยื่นขอลดหย่อนภาษีทำอย่างไร?

การยื่นขอลดหย่อนภาษีสามารถทำได้หลายช่องทาง ได้แก่ การยื่นแบบฟอร์มภาษีผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือการยื่นแบบฟอร์มด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ โดยควรตรวจสอบระยะเวลาการยื่นภาษีให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการลดหย่อนภาษี

## 6. คำแนะนำในการวางแผนคํานวณภาษี
การวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถลดภาษีได้มากขึ้น ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่สามารถลดหย่อนได้ และจัดทำงบประมาณการใช้จ่ายในปีถัดไปอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี


การลดหย่อนภาษีในปี 2568 เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้เสียภาษีในการลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย การเข้าใจคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีจะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์นี้ได้อย่างเต็มที่ หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด



5
เมื่อเรามีความต้องการใช้เงิน แต่มีจำนวนเงินไม่เพียงพอ หากต้องเก็บเงินจนได้จำนวนเงินที่ต้องการ อาจไม่มีโอกาสได้สิ่งที่ต้องการนั้น หรืออาจได้สิ่งที่ต้องการมาไม่ทันต่อความต้องการใช้ หากเรามีความสามารถในการชำระหนี้ การขอสินเชื่อบุคคลเป็นทางเลือกที่ช่วยให้เราได้เงินก้อนเพื่อมาใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการ รวมถึงช่วยสร้างวินัยทางการเงิน เนื่องจากเราจำเป็นต้องชำระคืนเป็นงวดจนกว่าจะชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ครบถ้วน การได้เงินกู้จากสินเชื่อมานั้น ช่วยให้เราสามารถวางแผนการเงินได้คล่องตัวขึ้น

   วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน เราสรุปมาให้แล้ว แค่ 5 ข้อ ซึ่งจะช่วยให้เราได้รับการอนุมัติได้ง่าย ๆ มาเริ่มไปพร้อม ๆ กันเลย

   1. ศึกษาข้อมูลของสถาบันการเงินหรือธนาคารที่เราต้องการจะขอสินเชื่อเงินกู้
   ก่อนขอสินเชื่อ เราจำเป็นต้องศึกษาเงื่อนไขการให้สินเชื่อว่าเรามีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขการขอสินเชื่อหรือไม่ เช่น ผู้ขอสินเชื่อต้องมีอายุการทำงานในที่ทำงานปัจจุบันไม่น้อยกว่า 6 เดือน หากเราทำงานยังไม่ครบ 6 เดือน ก็ควรรอให้ได้เงื่อนไขก่อนขอสินเชื่อ เป็นต้น
   ธนาคารบางแห่งมีเงื่อนไขพิเศษเฉพาะลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีของธนาคาร เช่น ธนาคารกรุงไทย มีสินเชื่ออเนกประสงค์ 5 Plus ที่ให้วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาทสำหรับพนักงานที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยโดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน เป็นต้น
   หากเราศึกษาข้อมูลของสถาบันการเงินหรือธนาคารที่เราต้องการขอสินเชื่อ ช่วยให้เราเตรียมตัวและเลือกเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อการขอสินเชื่อของเราด้วย
   2. ตรวจสอบภาระหนี้ปัจจุบันไม่ให้เกิน 30%
   นอกจากรายได้ตามเงื่อนไข การขอกู้เงิน ของธนาคารแล้ว ภาระหนี้ที่เราต้องชำระต่อเดือนก็เป็นสิ่งที่สถาบันการเงินหรือธนาคารพิจารณาด้วยเพื่อดูความสามารถในการชำระหนี้ เราจึงไม่ควรมีหนี้เกินกว่า 30% ของรายได้ เราสามารถทำให้เราคุณสมบัติของเราอยู่ในเงื่อนไขโดยชำระหนี้ให้เรียบร้อย หรือลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น
   3. สร้างประวัติทางการเงินที่ดี
   เพื่อรองรับการตรวจสอบประวัติทางการเงิน เราจึงควรสร้างประวัติทางการเงินที่ดี โดยการชำระหนี้เต็มจำนวนให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สถาบันการเงินหรือธนาคารมองเห็นว่าเราเป็นคนมีวินัยในการชำระหนี้
   4. เลือกสินเชื่อให้เหมาะสม
   สินเชื่อแต่ละประเภทมีวงเงิน เงื่อนไขการค้ำประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระ และดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกสินเชื่อให้เหมาะสมโดยพิจารณาให้ตรงกับความต้องการ เช่น หากต้องการเงินสดหมุนเวียนก็ควรเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคารที่มีบัญชีเงินเดือนเพื่อให้อนุมัติได้ง่าย เนื่องจากธนาคารมีประวัติของเราอยู่แล้ว เช่น สินเชื่อกรุงไทยเปย์ดะ สำหรับผู้รับเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงไทย สินเชื่อกรุงไทยใจป้ำ สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงไทย เป็นต้น
   5. ขอสินเชื่อไม่ผ่านทําไงดี
   ถ้าเราเคยขอสินเชื่อไม่ผ่าน ไม่ต้องกังวล กลับมาตรวจสอบคุณสมบัติว่าตรงตามที่สถาบันการเงินหรือธนาคารกำหนดไว้หรือไม่ หากยังไม่เข้าเงื่อนไขในครั้งแรก เช่น อายุงานไม่ถึง หรือมีภาระหนี้มากเกินไป เราก็แก้ไขในระหว่างที่รอการยื่นขอสินเชื่อครั้งต่อไป ควรรอให้ผ่านไปก่อน 3 เดือนแล้วค่อยยื่นใหม่เพื่อไม่ให้ธนาคารมองว่าเรากำลังมีปัญหาทางการเงินอยู่ หากเราพิจารณาแล้วว่าเรามีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขทุกอย่าง ก็ลองยื่นขอสินเชื่อที่อื่น ๆ ดู เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง

   วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ใคร ๆ ก็ทำได้ แค่เตรียมการให้เรียบร้อยก่อน การขอสินเชื่อ และเมื่อได้สินเชื่อมาแล้ว ก็ควรชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนดตลอดระยะเวลาตามสัญญาเพื่อให้เป็นประวัติที่ดีในการขอสินเชื่อครั้งต่อไป




6


การประหยัดภาษีเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ แต่หลายครั้งก็อาจมองข้ามเทคนิคที่สามารถช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเทคนิคการประหยัดภาษีที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากกฎหมายภาษีได้อย่างเต็มที่

## 1. ใช้สิทธิประโยชน์จากการลงทุนในกองทุนรวม

การลงทุนในกองทุนรวมที่มีการส่งเสริมการลงทุน (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (LTF) เป็นวิธีที่ดีในการประหยัดภาษี โดยคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุน ซึ่งจะช่วยลดฐานภาษีของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

### 1.1 กองทุน RMF

การลงทุนในกองทุน RMF สามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้ประจำปี หรือสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการวางแผนการเงินในระยะยาว

### 1.2 กองทุน LTF

สำหรับกองทุน LTF คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ประจำปี หรือไม่เกิน 500,000 บาท โดยการลงทุนในกองทุนเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีเงินออมในอนาคต

## 2. ใช้สิทธิประโยชน์จากการซื้อประกันชีวิต

การซื้อประกันชีวิตไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีความคุ้มครองในกรณีฉุกเฉิน แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประหยัดภาษีได้อีกด้วย คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามเบี้ยประกันที่จ่าย ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

## 3. หักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการศึกษา

หากคุณมีบุตรหลานที่กำลังศึกษาอยู่ คุณสามารถหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการศึกษาได้ โดยค่าใช้จ่ายที่สามารถหักลดหย่อนได้รวมถึงค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้มากขึ้น

## 4. ใช้สิทธิประโยชน์จากการบริจาคออนไลน์ e donation วัด

การบริจาคให้กับองค์กรการกุศลหรือมูลนิธิต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยสังคม โอนเงินทำบุญออนไลน์ แต่ยังสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 10% ของรายได้ประจำปี ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการช่วยเหลือผู้อื่นและประหยัดภาษีไปพร้อมกัน
## 5. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ

การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดภาษีได้มากขึ้น คุณควรทำการวิเคราะห์รายได้และค่าใช้จ่ายของคุณอย่างละเอียด เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการลดภาระภาษี

เทคนิคการประหยัดภาษีที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่คุณสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการวางแผนภาษี คุณอาจพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่พลาดโอกาสในการประหยัดภาษีที่มีอยู่

อย่าลืมติดตามข่าวสารและอัปเดตเกี่ยวกับกฎหมายภาษีเพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่!


7
   โรคร้ายแรงเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวันอันปกติสุข และยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง การทำประกันโรคร้ายแรงจึงถือเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในบทความนี้จะมาแนะนำข้อดีที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและแนะนำเลือกซื้อ ประกันโรคร้ายแรงที่ไหนดี

         ไม่ว่าจะเลือก ประกันโรคร้าย ที่ไหนดี การมีประกันโรคร้ายแรงเป็นสิ่งที่ช่วยคุ้มครองความเสี่ยงหากผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น โดยผู้เอาประกันภัยจะได้รับวงเงินความคุ้มครองจากการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรงตามเงื่อนไขกรมธรรม์ เพื่อนำไปใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยข้อดีของการทำประกันโรคร้ายแรงมีดังนี้

       ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคร้ายแรงขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค วิธีการรักษาและการเลือกสถานพยาบาลที่มีอุปกรณ์ครบครันย่อมนำมาสู่ค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น การทำประกันโรคร้ายแรงไว้จะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทำให้ผู้เอาประกันภัยและครอบครัวไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาทางการเงินในอนาคตได้

       ช่วยให้ผู้เอาประกันภัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประกันโรคร้ายแรงจะคุ้มครองให้ผู้เอาประกันมีเงินก้อนมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่จำเป็น รวมถึงทำให้มีเงินสำรองสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันระหว่างการรักษาและต้องหยุดงาน

       ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับผู้เอาประกันภัย เนื่องจากไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหากเกิดโรคร้ายแรงขึ้น รวมถึงในกรณีร้ายแรงถึงแก่ชีวิตผู้รับผลประโยชน์ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขต่อไปได้

เมื่อรู้ข้อดีที่จะได้รับจากการทำประกันโรคร้ายแรงแล้ว แต่หากยังไม่แน่ใจว่าควรทำ ประกันโรคร้าย ที่ไหนดี ขอแนะนำประกันโรคร้ายแรงดังนี้

         ประกันภัย มะเร็งใจแตก เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง โดยประกันมะเร็งใจแตกออกแบบมาเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งทุกระยะ รวมถึงคุ้มครองโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายครั้งแรกจากการขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งโรคร้ายแรงทั้ง 3 โรคนี้เป็นโรคที่พบผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 1.16 บาทต่อวัน สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี และต่ออายุเพื่อรับความคุ้มครองได้ถึงอายุ 64 ปี

          ประกันโรคร้ายแรง iCare คุ้มครองโรคร้ายแรงถึง 90 โรค +10 โรค ที่พบได้ในเด็กตั้งแต่ 1 เดือน – 18 ปี ทุกระยะ สามารถเคลมได้หลายครั้งและได้รับความคุ้มครองสูงสุด 6 เท่าของทุนประกัน ระยะความคุ้มครองถึงอายุ 85 ปี สามารถแบ่งงวดชำระเป็นรายเดือน, ราย 3 เดือน, ราย 6 เดือน และรายปี

หากยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเลือก ประกันสุขภาพเด็ก ประกันเด็ก ประกันโรคร้ายแรงที่ไหนดี ประกันโรคร้ายแรงของธนาคารกรุงไทยเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากได้รับความคุ้มครองจากโรคร้าย พร้อมทั้งจ่ายเงินเป็นก้อนเพื่อให้ผู้เอาประกันได้ใช้ในการรักษาพยาบาลตามแผนการรักษาและสถานพยาบาลได้อย่างอิสระ



8


การฝากประจำเป็นหนึ่งในวิธีการลงทุนที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยมีความผันผวน การเลือกฝากประจำระยะสั้นหรือระยะยาวนั้นมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ความแตกต่างของดอกเบี้ยระหว่างการฝากประจำ 3 เดือนและ 12 เดือน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ความหมายของการฝากประจำ
การฝากประจำคือการฝากเงินในบัญชีธนาคารเป็นระยะเวลาที่กำหนด โดยผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยปกติแล้วการฝากประจำจะมีระยะเวลาตั้งแต่ 1 เดือน จนถึง 5 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร

เปรียบเทียบดอกเบี้ยระหว่างฝากประจำ 3 เดือน และ 12 เดือน

อัตราดอกเบี้ย

โดยทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยของการฝากประจำ 3 เดือนจะต่ำกว่าการฝากประจำ 12 เดือน เนื่องจากธนาคารต้องการให้ผู้ฝากมีความมั่นคงในการฝากเงินในระยะยาว ดังนั้นการฝากประจำ 12 เดือนมักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของธนาคารและสภาวะเศรษฐกิจ

ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ย

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เรามาดูตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยกัน:

- ฝากประจำ 3 เดือน: หากคุณฝากเงิน 100,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ดอกเบี้ยที่คุณจะได้รับใน 3 เดือนคือ:
  \[
  \text{ดอกเบี้ย} = \frac{100,000 \times 1.5\%}{4} = 375 \text{ บาท}
  \]

- ฝากประจำ 12 เดือน: หากคุณฝากเงิน 100,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ดอกเบี้ยที่คุณจะได้รับใน 12 เดือนคือ:
  \[
  \text{ดอกเบี้ย} = 100,000 \times 2\% = 2,000 \text{ บาท}
  \]

จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยจากการฝากประจำ 12 เดือนนั้นสูงกว่าการฝากประจำ 3 เดือนอย่างชัดเจน

ข้อดีและข้อเสียของการฝากประจำ

 ข้อดี

- ความปลอดภัย: การฝากประจำถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากเงินของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
- ดอกเบี้ยสูงกว่า: อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป

 ข้อเสีย

- การเข้าถึงเงิน: เมื่อคุณฝากเงินในบัญชีฝากประจำ คุณจะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จนกว่าจะถึงกำหนด
- โอกาสในการลงทุนอื่นๆ: การฝากประจำอาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

การเลือกฝากประจำ 3 เดือนหรือ 12 เดือนนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความต้องการทางการเงินของแต่ละบุคคล หากคุณต้องการความมั่นคงในระยะยาวและยอมรับการไม่สามารถเข้าถึงเงินได้ในระยะเวลานาน การฝากประจำ 12 เดือนอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่หากคุณต้องการความยืดหยุ่นและสามารถเข้าถึงเงินได้ในระยะสั้น การฝากประจำ 3 เดือนอาจเหมาะสมกว่า

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝากประจำหรือคำแนะนำในการลงทุน สามารถติดต่อธนาคารหรือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณและเปิดบัญชีฝากประจําออนไลน์ได้เลย!


9
หากพูดถึงการค้ำประกันมั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะในการซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ การเข้าทำงาน การเข้าเรียน หรือแม้แต่การขอสินเชื่อต่าง ๆ กับธนาคาร บางกรณีก็ต้องมีการใช้บุคคลหรือทรัพย์สินค้ำประกันเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบุคคลที่ทำสัญญามากขึ้น ยกเว้น สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่อย่างไรก็ตามหากพูดถึงหนังสือสัญญาค้ำประกันคู่สัญญา หรือ Letter of Guarantee เรียกย่อ ๆ ว่า LG เชื่อว่าถ้าไม่ได้อยู่ในแวววงธุรกิจก็คงสงสัยว่าหนังสือฉบับนี้คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ดังนั้นเพื่อช่วยให้ทุกคนหายสงสัยวันนี้เราจึงมี 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ หนังสือค้ำประกัน มาฝาก รับรองเข้าใจมากขึ้นแน่นอน

ความหมายของหนังสือค้ำประกัน
เรื่องแรกที่ควรรู้คือหนังสือค้ำประกันคืออะไร สำหรับคำตอบคือหนังสือที่ทางสถาบันการเงินออกให้กับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเป็นการยืนยันว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับคู่ค้า ซึ่งหากลูกค้าของสถาบันการเงินไม่ปฏิบัติตามทางสถาบันการเงินจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบความเสียหายให้กับคู่ค้าแทนลูกค้าของตัวเอง หากพูดให้เข้าใจง่ายคือสถาบันการเงินทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันให้กับลูกค้าของตัวเอง

รูปแบบของหนังสือค้ำประกัน 
ปกติแล้วหนังสือสัญญาค้ำประกันคู่สัญญานั้นจะมีหลากรูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ผู้ขอจะนำไปใช้ประโยชน์ เช่น หนังสือสัญญาค้ำประกันคู่สัญญาเพื่อนำไปใช้ประมูลราคา หนังสือสัญญาค้ำประกันการดำเนินการตามสัญญาจ้าง หนังสือสัญญาค้ำประกันสัญญาการซื้อขายสินค้า

คุณสมบัติของผู้ขอหนังสือค้ำประกัน
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการหนังสือสัญญาค้ำประกันคู่สัญญานั้นส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่แต่ละสถาบันการเงินกำหนด ซึ่งทั่วไปแล้วสามารถขอได้ทั้งบุคคลทั่วไปและนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า  สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก สินเชื่อ SME แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สินเชื่อ od ดอกเบี้ย od สินเชื่อเพื่อธุรกิจเฉพาะ สินเชื่อระยะยาว สินเชื่อsmeดอกเบี้ยต่ำ พิเศษ หรือไม่ได้เป็นลูกค้าสินเชื่อก็สามารถขอได้เช่นกัน

เอกสารที่ใช้ในการขอหนังสือค้ำประกัน
สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ในการขอหนังสือสัญญาค้ำประกันคู่สัญญานอกจากเอกสารส่วนตัวและเอกสารทางการเงินของบริษัทเหมือนสินเชื่อทั่วไปแล้ว สถาบันการเงินส่วนใหญ่ยังขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการกับคู่สัญญาด้วย เช่น หนังสือสัญญาซื้อขาย หนังสือสัญญามัดจำ หนังสือค้ำประกันสัญญา หนังสือค้ำประกันเงินกู้ หนังสือค้ำประกันยื่นซองประกวดราคา ใบแจ้งหนี้  หรือใบสั่งซื้อสินค้า

ประโยชน์ของหนังสือค้ำประกัน
หนังสือสัญญาค้ำประกันคู่สัญญาสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานว่าคู่ค้าที่ทำธุรกิจร่วมกับลูกค้าของสถาบันการเงินจะได้รับการคุ้มครองจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้คู่สัญญามีความมั่นใจในการดำเนินกิจการร่วมกันมากขึ้น นอกจากนั้นหากเป็นการประมูลงานกับหน่วยงานราชการยังสามารถใช้หนังสือสัญญาค้ำประกันคู่สัญญาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแทนเงินฝาก พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกันได้ด้วย
   
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ หนังสือค้ำประกัน ที่เรานำมาฝากในวันนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นหนังสือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและมีความสำคัญกับการทำธุรกิจ ดังนั้นแนะนำว่าควรเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อม เพราะถ้าต้องใช้หนังสือสัญญาค้ำประกันคู่สัญญาสามารถยื่นขอกับสถาบันการเงินได้ทันทีไม่ต้องรอให้เสียเวลา



10

 การกู้เงินเป็นเรื่องที่หลายคนมักจะมีความกังวลและมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกู้เงินสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ หากเรามีการวางแผนที่ดีและเลือกแหล่งกู้ที่เหมาะสมกับตัวเอง ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการกู้เงินอย่างชาญฉลาดที่สามารถช่วยให้คุณมีการเงินที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น

ทำความเข้าใจกับการกู้เงิน

การกู้เงินคือการยืมเงินจากแหล่งต่างๆ เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน หรือบุคคลทั่วไป โดยมักจะมีการกำหนดดอกเบี้ยและระยะเวลาการชำระคืน การกู้เงินสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น การซื้อบ้าน การลงทุนในธุรกิจ หรือการศึกษาต่อ

 ประโยชน์ของเงินกู้
1. การลงทุนในอนาคต: การกู้เงินเพื่อการศึกษา หรือการลงทุนในธุรกิจสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงในอนาคต
2. การจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉิน: การมีเงินกู้ในยามฉุกเฉินสามารถช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงิน
3. การสร้างเครดิต: การกู้เงินแล้วชำระคืนตามกำหนดสามารถช่วยสร้างประวัติการเงินที่ดี ซึ่งมีผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต

วิธีการวางแผนการกู้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ

 1. ประเมินความต้องการและวัตถุประสงค์

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจกู้เงิน ควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมฉันถึงต้องการกู้เงิน?” การมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือกแหล่งกู้ที่เหมาะสม

 2. ศึกษาแหล่งกู้ที่มีอยู่

มีแหล่งกู้เงินหลากหลาย เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน หรือการกู้เงินออนไลน์ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระคืน เพื่อเลือกแหล่งกู้ที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ

 3. คำนวณความสามารถในการชำระคืน

การคำนวณความสามารถในการชำระคืนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถชำระเงินคืนได้ตามกำหนด โดยควรพิจารณารายได้และค่าใช้จ่ายประจำเดือน

 4. อ่านเงื่อนไขและข้อกำหนดอย่างละเอียด

ก่อนที่จะลงนามในสัญญากู้เงิน ควรอ่านเงื่อนไขและข้อกำหนดอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การกู้เงินไม่ใช่เรื่องผิด หากคุณมีการวางแผนที่ดีและเลือกแหล่งกู้ที่เหมาะสม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกู้เงินและการจัดการการเงินอย่างมีระเบียบจะช่วยให้คุณใช้เงินกู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง
หากคุณกำลังพิจารณากู้เงิน อย่าลืมใช้วิธีการที่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ เพื่อให้การกู้เงินของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกู้เงินและการวางแผนการเงิน สามารถติดตามบทความและแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่องนี้ให้มากขึ้น


11

การกู้เงินเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือแม้กระทั่งการลงทุนในธุรกิจส่วนตัว แต่ก่อนที่คุณจะยื่นขอสินเชื่อ ควรมีการเตรียมความพร้อมและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้การกู้เงินเป็นไปอย่างราบรื่น ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเช็กลิสต์เบื้องต้นที่ควรพิจารณาก่อนการยื่นขอสินเชื่อ

 1. ประเมินความต้องการและวัตถุประสงค์ในการกู้เงิน

ก่อนอื่น คุณควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมถึงต้องการกู้เงิน?” วัตถุประสงค์ในการกู้เงินจะช่วยให้คุณเลือกประเภทสินเชื่อที่เหมาะสม เช่น

- สินเชื่อบ้าน: สำหรับการซื้อบ้านหรือที่ดิน
- สินเชื่อรถยนต์: สำหรับการซื้อรถยนต์
- สินเชื่อส่วนบุคคล: สำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไปหรือการลงทุน

การรู้วัตถุประสงค์จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น

 2. ตรวจสอบเครดิตสกอร์

เครดิตสกอร์เป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือในการกู้เงินของคุณ ธนาคารและสถาบันการเงินมักจะพิจารณาเครดิตสกอร์ก่อนอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบเครดิตสกอร์ของตัวเองก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ

- เครดิตสกอร์สูง: มีโอกาสได้รับสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
- เครดิตสกอร์ต่ำ: อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นหรืออาจถูกปฏิเสธการกู้เงิน

 3. คำนวณความสามารถในการชำระเงินกู้

ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ คุณควรคำนวณความสามารถในการชำระเงินของตนเอง เช่น

- รายได้ต่อเดือน
- ค่าใช้จ่ายประจำเดือน
- จำนวนเงินที่สามารถชำระคืนได้

การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณสามารถกู้เงินได้มากน้อยเพียงใดและสามารถชำระคืนได้หรือไม่

 4. เตรียมเอกสารที่จำเป็น

การเตรียมเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญในการยื่นขอสินเชื่อ เอกสารที่จำเป็นอาจรวมถึง:

- บัตรประชาชน
- สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานรายได้
- เอกสารแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน

การเตรียมเอกสารให้พร้อมจะช่วยให้การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็ว

 5. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข

ก่อนตัดสินใจเลือกสินเชื่อ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากหลายๆ สถาบันการเงิน เพื่อให้คุณได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด

- อัตราดอกเบี้ย: ควรเลือกอัตราที่ต่ำที่สุด
- ระยะเวลาชำระเงิน: ควรเลือกระยะเวลาที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระคืน

 6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการกู้เงินหรือมีคำถามเพิ่มเติม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือที่ปรึกษาสินเชื่อจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสม

การกู้เงินไม่ใช่เรื่องที่ควรทำโดยไม่คิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ ควรมีการเตรียมความพร้อมและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นตามเช็กลิสต์ที่เราได้แนะนำไป เพื่อให้การกู้เงินของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ



12


การประหยัดภาษีเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ แต่หลายครั้งก็อาจมองข้ามเทคนิคที่สามารถช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเทคนิคการประหยัดภาษีที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากกฎหมายภาษีได้อย่างเต็มที่

## 1. ใช้สิทธิประโยชน์จากการลงทุนในกองทุนรวม

การลงทุนในกองทุนรวมที่มีการส่งเสริมการลงทุน (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (LTF) เป็นวิธีที่ดีในการประหยัดภาษี โดยคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุน ซึ่งจะช่วยลดฐานภาษีของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

### 1.1 กองทุน RMF

การลงทุนในกองทุน RMF สามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้ประจำปี หรือสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการวางแผนการเงินในระยะยาว

### 1.2 กองทุน LTF

สำหรับกองทุน LTF คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ประจำปี หรือไม่เกิน 500,000 บาท โดยการลงทุนในกองทุนเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีเงินออมในอนาคต

## 2. ใช้สิทธิประโยชน์จากการซื้อประกันชีวิต

การซื้อประกันชีวิตไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีความคุ้มครองในกรณีฉุกเฉิน แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประหยัดภาษีได้อีกด้วย คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามเบี้ยประกันที่จ่าย ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

## 3. หักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการศึกษา

หากคุณมีบุตรหลานที่กำลังศึกษาอยู่ คุณสามารถหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการศึกษาได้ โดยค่าใช้จ่ายที่สามารถหักลดหย่อนได้รวมถึงค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้มากขึ้น

## 4. ใช้สิทธิประโยชน์จากการบริจาคออนไลน์ e donation

การบริจาคให้กับองค์กรการกุศลหรือมูลนิธิต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยสังคม แต่ยังสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 10% ของรายได้ประจำปี ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการช่วยเหลือผู้อื่นและประหยัดภาษีไปพร้อมกัน e donation ลดหย่อนภาษี

## 5. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ

การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดภาษีได้มากขึ้น คุณควรทำการวิเคราะห์รายได้และค่าใช้จ่ายของคุณอย่างละเอียด เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการลดภาระภาษี

เทคนิคการประหยัดภาษีที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่คุณสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการวางแผนภาษี คุณอาจพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่พลาดโอกาสในการประหยัดภาษีที่มีอยู่

อย่าลืมติดตามข่าวสารและอัปเดตเกี่ยวกับกฎหมายภาษีเพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่!

ระบบ e-donation https://krungthai.com/th/personal/cash-management/ktb-promptpay/600



13



   ถึงแม้เราพยายามดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการทำจิตใจให้แจ่มใสแล้ว แต่โรคภัยไข้เจ็บหรืออุบัติเหตุก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นกับเราได้ การมีประกันสุขภาพช่วยให้เราอุ่นใจเมื่อเกิดเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ด้วยการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ ทั้ง opd และ ipd รวมถึงชดเชยรายได้ให้เราเมื่อต้องนอนพักรักษาตัวด้วย

   opd คือ คำเรียกกลุ่มผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลโดยไม่ต้องนอนพัก สามารถกลับบ้านได้เลย
   ipd คือ คำเรียกกลุ่มผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลโดยต้องนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ไม่สามารถกลับบ้านได้ทันที

   การชดเชยรายได้ คือ ค่าสินไหมทดแทนรายวันเมื่อผู้เอาประกันต้องหยุดงานเพื่อพักรักษาตัว

การเลือกซื้อประกันสุขภาพควรดูให้ครอบคลุมความคุ้มครองทั้งความเจ็บป่วยจากโรคทั่วไปและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเพื่อความคุ้มค่าของเบี้ยประกันที่เราต้องจ่าย
ประกันสุขภาพมีทั้งแบบเหมาจ่ายและแยกค่าใช้จ่าย ประกันเหมาจ่าย จะกำหนดวงเงินค่ารักษาแบบเหมารวม ในขณะที่ประกันแยกค่าใช้จ่ายจะกำหนดวงเงินค่ารักษาแยกตามรายการ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับแบบแยกค่าใช้จ่ายแล้วมีข้อดีหลายอย่าง ดังนี้

- ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้ง opd และ ipd ไม่ต้องกังวลว่าต้องนอนโรงพยาบาล เพราะประกันสุขภาพเหมาจ่ายให้ความคุ้มครองทั้งกรณีที่เป็นผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน
- ให้วงเงินค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายเป็นวงเงินสูงสุดของระยะเวลาที่เอาประกัน เนื่องจากไม่มีการกำหนดวงเงินของค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ แต่เป็นการกำหนดวงเงินเป็นวงเงินรวมสูงสุด ไม่ต้องคอยตรวจสอบว่าค่าใช้จ่ายรายการใดเกินวงเงินไปแล้วบ้าง
- ตรวจสอบวงเงินคงเหลือง่าย เพราะเป็นการเหมาจ่าย เพียงนำยอดที่ใช้จ่ายไปแล้วหักออกจากวงเงินที่ได้รับในระยะเวลาที่เอาประกัน
- เคลมง่าย ไม่ต้องแจกแจงค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ เพียงแจ้งยอดค่าใช้จ่ายรวมเท่านั้น
- ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากเป็น ประกันเหมาจ่าย ที่ไม่แยกรายการค่าใช้จ่าย ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าค่าใช้จ่ายรายการใดจะมีการปรับตัวสูงขึ้นหรือค่าใช้จ่ายใดจะไม่ได้ใช้

        ประกันสุขภาพเหมาจ่าย สร้างความอุ่นใจให้กับผู้เอาประกันและครอบครัวด้วยค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย ไม่แยกวงเงินตามรายการ สบายใจเมื่อต้องเข้ารับการรักษา

   ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ประกันโรคร้ายแรง ประกันเด็ก ประกันสุขภาพเด็ก มีให้เลือกรับความคุ้มครองได้อย่างที่ต้องการ ซื้อง่าย ผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษี คลิกดูรายละเอียดได้ที่ https://online.scbprotect.co.th/e-health?paymentFrequency=YEARLY ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองสูงด้วยเบี้ยประกันเบา ๆ ครอบคลุมการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและความเจ็บป่วยจากโรคทั่วไป ทั้ง opd และ ipd  รวมถึงการชดเชยรายได้เมื่อต้องหยุดงาน

   สบายใจ หายห่วง กับ ประกันเหมาจ่าย คุ้มครองครบ จบในแผนเดียว


14


ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากมีความผันผวน การเลือกเปิดบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากการออมเงิน บทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจว่าใครควรพิจารณาเปิดบัญชีประเภทนี้ และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร

ทำความรู้จักกับบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงคือ บัญชีที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยมักมีเงื่อนไขในการเปิดบัญชี เช่น ยอดเงินขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชี หรือการจำกัดจำนวนครั้งในการถอนเงิน ซึ่งทำให้ผู้ฝากเงินสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว

ใครควรเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง?

 1. ผู้ที่ต้องการออมเงินในระยะยาว

หากคุณมีแผนที่จะออมเงินในระยะยาว เช่น เพื่อการศึกษาของบุตร หรือการเกษียณอายุ การเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจะช่วยให้เงินของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงกว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าเงินออมของคุณได้มากขึ้น

 2. ผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยงสูง

การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น หรือกองทุนรวม อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง การเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า เนื่องจากเงินของคุณจะยังคงอยู่ในรูปแบบที่มั่นคง

 3. ผู้ที่มีเงินออมในจำนวนมาก

หากคุณมีเงินออมที่มากพอ การเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจะช่วยให้คุณได้รับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เงินของคุณทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ

 ข้อดีและข้อเสียของบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง ข้อดี

- ดอกเบี้ยสูง: ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการออม
- ความปลอดภัย: เงินฝากในบัญชีออมทรัพย์มีความปลอดภัยสูง
- สะดวกในการถอนเงิน: สามารถถอนเงินได้เมื่อจำเป็น

 ข้อเสีย

- เงื่อนไขที่ซับซ้อน: อาจมีเงื่อนไขในการเปิดบัญชีที่ต้องปฏิบัติตาม
- ดอกเบี้ยไม่แน่นอน: ในบางครั้งอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามภาวะเศรษฐกิจ

การเปิดบัญชีฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากการออมเงิน โดยเฉพาะในยุคที่ดอกเบี้ยมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจควรพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี





15

   บัญชีฝากประจำ เป็นการออมที่มั่นคงแต่ใช้เวลาค่อนข้างนานในการเพิ่มมูลค่าเงินออม เพราะผลตอบแทนของเงินฝากในปัจจุบันไม่สูงมาก หากคุณกำลังรู้สึกว่าเงินของคุณน่าจะมีศักยภาพในการทำงานได้มากกว่าแช่แข็งอยู่ในบัญชีเพียงอย่างเดียว ลองหันมามองที่การลงทุนเพิ่มอีกทางหนึ่งในหุ้นกู้และพันธบัตรเพื่อการเติบโตของเงินออมที่เร็วและมั่นคงมากขึ้น

รู้จักกับหุ้นและพันธบัตร ซื้อขายง่ายบนแอป Krungthai NEXT

   หุ้นกู้ คือตราสารหนี้ที่บริษัทเอกชนเปิดขายเพื่อระดมเงินในการขยายธุรกิจ ผู้ที่เข้ามาซื้อหุ้นกู้ได้จะได้รับดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน ส่วนพันธบัตรก็เป็นตราสารหนี้อีกประเภทหนึ่งที่องค์กรของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ออกมาให้นักลงทุนรายย่อยซื้อ โดยมีผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเช่นกัน แม้ว่าหุ้นกู้และพันธบัตรจะมีผลตอบแทนไม่หวือหวามากแต่ก็ยังจัดว่าสูงกว่า ดอกเบี้ยฝากประจำ และเป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ ปัจจุบันการลงทุนในหุ้นกู้และพันธบัตรเป็นเรื่องง่าย โดยธนาคารกรุงไทยได้ฉีกข้อจำกัดในเรื่องของการซื้อขาย เปลี่ยนมือ การชำระราคาค่าหุ้นหรือพันธบัตรที่เคยยุ่งยากและเสียเวลานานในสมัยก่อน มาเป็นรูปแบบของการลงทุนที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก 

        ในเรื่องนี้คุณรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ได้กล่าวว่า ธนาคารฯ ได้พัฒนาบริการใหม่บนแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT และได้ร่วมมือกับกลุ่มเอสซีจี ธุรกิจระดับบิ๊กเบิ้มในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ เคมีภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้ออกหุ้นกู้ให้ผู้ลงทุนรายย่อยทั่วไปสามารถเข้ามาร่วมลงทุนซื้อขายผ่านบริการ Money Connect ที่มีความสะดวกและปลอดภัยสูง หุ้นกู้ SCG ที่เปิดซื้อขายบนแอป Krungthai NEXT ประกอบด้วยหุ้นกู้ของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC), บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP), บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) นับว่าเป็นโอกาสดีมากทีเดียวสำหรับผู้ที่กำลังมองหาหุ้นกู้คุณภาพดีภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย นอกจากเปิดโอกาสให้นักลงทุนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมตลาดหุ้นกู้ภาคเอกชนของประเทศอีกด้วย

   การซื้อหุ้นกู้และพันธบัตรเป็นการลงทุนระยะยาวที่มั่นคงคล้ายกับการเก็บออมใน บัญชีฝากประจำ แต่ผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝาก นอกจากนี้ยังสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ง่าย มีเงินน้อยก็ซื้อได้ขั้นต่ำ 1,000 บาท สำหรับผู้เริ่มต้น อยากให้โหลดแอป Krungthai NEXT ไว้เป็นช่องทางการลงทุน ส่วนใครที่เคยลงทุนแล้วแต่ยังไม่เคยใช้แอปนี้ก็ลองเข้าไปเปิดบัญชีซื้อขายได้เช่นกัน คุณจะได้พบกับวิธีการลงทุนแบบใหม่ที่คล่องตัวขึ้นกว่าเดิม

Krungthai NEXT ซื้อขายหุ้นกู้และพันธบัตรตามราคาตลาดแบบเรียลไทม์

       การกระจายเงินไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภทเรื่องที่ดี นอกจากการออมเงินไว้ใน บัญชีฝากประจำ แล้ว ผู้ที่มีเงินเก็บสะสมควรมองการซื้อขายหุ้นกู้และพันธบัตรเป็นทางเลือกเพิ่มโดยไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อขายยุ่งยาก บริการ Money Connect บนแอปพลิเคชันของธนาคารกรุงไทย เปิดให้ซื้อหุ้นกู้และพันธบัตรได้อย่างคล่องตัว ผู้ลงทุนจะได้ราคาตามตลาด ณ ช่วงเวลาที่ทำรายการ อีกทั้งหุ้นกู้และพันธบัตรที่ซื้อจะอยู่ในรูปแบบของ Scripless คือไม่มีใบหุ้น แต่ระบบจะทำการบันทึกการนำฝากหุ้นกู้และพันธบัตรที่ผู้ลงทุนซื้อเข้าบัญชีหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนที่ธนาคารกรุงไทยโดยอัตโนมัติ ข้อดีก็คือผู้ซื้อไม่ต้องกังวลกับการเก็บรักษาใบหุ้นซึ่งถ้าเก็บไม่ดีก็อาจสูญหายได้ การทำให้ทุกอย่างอยู่บนระบบออนไลน์จึงช่วยลดความยุ่งยากลงไปได้มาก
    ในยุคนี้คงไม่อาจคาดหวัง ดอกเบี้ยฝากประจำ เป็นตัวเพิ่มมูลค่าพอร์ตสินทรัพย์ของคุณได้ทั้งหมด ผู้ที่ต้องการสร้างฐานะการเงินเพื่ออนาคตที่มั่นคงจะต้องเรียนรู้การลงทุนเพิ่มอยู่เสมอ มองหาทางเลือกว่ามีการลงทุนแบบไหนอีกบ้างที่เหมาะกับตัวคุณ รู้จักเทคนิควิธีเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดี ความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนระยะยาวและค่อย ๆ เรียนรู้วิธีเพิ่มมูลค่าพอร์ตการลงทุนขึ้นไปเรื่อย ๆ ควบคู่ไปกับศึกษาช่องทางและวิธีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในระบบดิจิทัล เช่น krungthai NEXT ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ง่าย เพียงโหลดแอปและสมัครใช้บริการ Money Connect  สำหรับผู้ที่สนใจในการลงทุนและอยากลองใช้บริการบนแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://krungthai.com/


หน้า: [1] 2 3 ... 8