ผู้เขียน หัวข้อ: เทคโนโลยีการตลาดที่นักการตลาดแห่งอนาคตควรรู้จัก  (อ่าน 155 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 512
  • รับจ้างโพสต์เว็บ สำหรับเจ้าของเวปไซต์ เจ้าของกิจการ
    • ดูรายละเอียด
เทคโนโลยีการตลาดในปัจจุบันไปไกลกันมากแล้ว นักการตลาดหรือนักธุรกิจที่อยู่เฉยๆ ไม่อัปเดตความรู้ให้กับตัวเอง อาจจะก้าวไม่ทันโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วได้
จะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับ 12 เทคโนโลยีการตลาดที่นักการตลาดแห่งอนาคตควรรู้จัก

ผมจะพยายามเกริ่นให้คุณเห็นภาพและเห็นความสำคัญคร่าวๆ นะครับ ผมจะไม่ลงรายละเอียดเยอะเกินไป แต่ใช้วิธีการส่งลิงก์ไปอ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแทน
ถ้าพร้อมแล้ว มาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีทางการตลาดที่ต้องรู้จักไปด้วยกันเลยครับ!


1. No-code / Low-code

ปัจจุบัน การจะทำ Solution เพื่อมาตอบโจทย์หรือแก้ไขปัญหาทางการตลาดต่างๆ ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพา Developer ไปตลอดแล้ว มันมี No-code / Low-code Tools ดีๆ มากมายช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ เองได้

อยากทำระบบ eCommerce? เครื่องมืออย่าง Woocommerce, Ketshopweb, Lnwshop ช่วยได้

อยากสร้างแอป? Bubble หรือ Softr ช่วยสร้างสิ่งที่ฝันไว้ให้เป็นจริงได้

*จริงๆ แล้ว เทคโนโลยีหลายๆ อย่างที่ผมจะแนะนำต่อไปในบทความนี้ก็มีความเป็น Low-code/No-code เช่นกัน แต่อยากเน้นอันนี้ขึ้นมาเพราะคิดว่ามันสำคัญ



2. Generative AI

ทุกคนน่าจะเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ ChatGPT ช่วยเขียน และใช้ Midjourney ช่วยออกแบบรูปภาพกันแล้ว

แต่อยากจะบอกว่า ChatGPT และ Midjourney เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของจักรวาล Generative AI เท่านั้นเอง จริงๆ แล้วมันยังมี Generative AI ที่ช่วยทำวิดีโอ ทำเสียง หรือใช้ใน Use Case ที่มันเจาะจงอีกหลายอย่าง

ตัวอย่างทางด้านบนเป็น Generative AI Application Landscape จากทาง Sequoia Capital ที่จะเห็นได้ว่ามีหลายตัวเลย

ถ้าอยากรู้จักเทคโนโลยีที่มากกว่านี้ ลองไปถาม ChatGPT ดูได้นะครับ


3. Business Automation

ข้อมูลจาก Thailand’s Martech Report 2023 ที่จัดทำโดย Content Shifu และ Hummingbirds Consulting บอกเอาไว้ว่าคน/บริษัทในไทยจะใช้ Martech Tools เพิ่มมากขึ้นจาก 11 ตัวเป็น 16 ตัว

เพราะฉะนั้นการเชื่อม Martech Solutions ต่างๆ เข้าด้วยกันก็เลยสำคัญ


มีอยู่ 2 คำที่ผมอยากแนะนำให้รู้จักครับ

1. One-way Push
การส่งข้อมูลจากเครื่องมือ/แอปตัวนึงไปยังแอปอีกตัวนึง เช่นการส่งข้อมูลจาก Website ไปยังระบบ CRM ผ่านเครื่องมืออย่าง Zapier


2. Two-way Sync
การเชื่อมข้อมูลจากเครื่องมือ/แอปหลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน เช่นการเชื่อมข้อมูลบน Website, App, CRM & ERP เข้าด้วยกันผ่านเครื่องมืออย่าง HubSpot Operations Hub


4. Marketing Automation

ความหมายของ Marketing Automation ที่ผมใช้อธิบายเป็นประจำคือการผสานแผนการและเทคโนโลยีเพื่อเก็บข้อมูลทั้งในเชิง Demographic (เช่นชื่อ สกุล อีเมล อายุ) & Behavior (เช่นการเปิด/คลิกอีเมล การเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์หน้าต่างๆ) ของลูกค้า ทำความเข้าใจพวกเขา และส่งมอบสารที่ใช่ ในช่องทางที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ ไปให้พวกเขา

ถ้านักการตลาดรู้จักใช้เทคโนโลยีนี้ให้เป็นประโยชน์จะทำให้การทำ Marketing มีประสิทธิภาพมากขึ้นเยอะเลย เพราะมันจะทำให้ทำการตลาดให้กับคนที่ใช่ ในช่องทางที่ใช่ ในเวลาที่ใช่

เครื่องมือในหมวดหมู่นี้เรียกได้ว่ามีเยอะมากๆ เช่น PAM, Connext X, Growth.ai, Sable, ActiveCampaign, HubSpot Marketing Hub, Braze, Insider และอื่นๆ อีกมากมาย


5. CRM

CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management ซึ่งจริงๆ แล้ว CRM มันถือเป็นศาสตร์ศาสตร์นึงที่สำคัญมากๆ สำหรับการขายและการรักษาลูกค้า

และเวลาพูดถึงการจะทำ CRM ให้ดี จะต้องมีระบบ CRM ที่ดีเป็นผู้ช่วยเสมอๆ

ถ้าจะให้ผมแบ่งประเภทของระบบ CRM ผมมักจะแบ่งง่ายๆ เป็น 2 ประเภทคือ

1. CRM สำหรับธุรกิจ B2C
ที่จะเน้นเรื่องการทำพวก Membership & Loyalty Management ตัวอย่างเครื่องมือในหมวดหมู่นี้เช่น ChocoCRM (ดู Case Study ของ ChocoCRM เพิ่มเติมได้ที่นี่), PRIMO หรือ Buzzebees


2. CRM สำหรับธุรกิจ B2B
ที่จะเน้นเรื่องการ Drive Pipeline และการจัดการความสัมพันธ์ของ Contact, Company & Deal ตัวอย่างเครื่องมือในหมวดหมู่นี้เช่น Venio, R-CRM, Wisible, Salesforce Sales Cloud, Pipedrive


6. CDP

CDP ย่อมาจาก Customer Data Platform

ซึ่งคนมักจะเข้าใจผิด เรียก CRM หรือระบบ Marketing Automation เป็น CDP กันค่อนข้างเยอะ แต่จริงๆ แล้วมันไม่เหมือนกัน

CDP จะเป็นระบบที่จะ Unify Customer Data จากหลายๆ แห่ง เช่นเว็บ แอป โทร แชท POS หน้าร้าน Martech Tools ต่างๆ ที่ใช้ และช่องทางอื่นๆ ที่เราพอจะมี Control Over Data

ปกติแล้วพวกระบบ CRM หรือ Marketing Automation มันจะมีความสามารถในการใช้งานแบบ Standalone ระดับนึง

แต่ตัว CDP จะเป็นตัวที่เน้นการ “Unify Customer Data” แล้วค่อยเอาไปใช้ ไปเชื่อมกับพวก CRM หรือ Marketing Automation อีกทีนึง

ถ้าอยากเห็นภาพชัดๆ ว่า CDP เป็นยังไง แนะนำให้ลองไป Search Solution ที่ชื่อว่า Segment ครับ (Segment เองก็ทำแต่เรื่อง CDP โดยเฉพาะเลย ส่วนเรื่องการ Engage ก็จะส่งต่อไปให้ Twilio ที่เป็นบริษัทแม่และ Sendgrid ที่เป็นอีกหนึ่งบริษัทในเครือ Twilio อีกทีนึงครับ)


7. Data Visualization

นักการตลาดไม่ได้ต้องการ Data แต่จริงๆ นักการตลาดต้องการ Insight ที่ได้จาก Data เพื่อเอาไปทำ Activation ต่อ

เทคโนโลยีที่เอาไว้ทำ Data Visualization จึงเปรียบเหมือนสื่อกลางที่รวบรวม Data เพื่อทำให้นักการตลาดหา Insight ได้ดียิ่งขึ้น

ถ้าให้เทียบกับบริบทที่ทุกคนน่าจะพอเข้าใจ ก็จะประมาณว่า Data คือวิญญาณ ส่วน Data Visualization คือแม่หมอ/ร่างทรง และ Insights คือสารที่สื่อออกไปให้คนได้รู้ (ซึ่งตามแต่คนจะตีความสารนั้นๆ ด้วย) อะไรประมาณนี้

เทคโนโลยีที่คนนิยมใช้ในการทำ Data Visualization ก็เช่น Looker Studio (Formerly Google Data Studio), Power BI และ Tableau เป็นต้น


8. Search Analytics

ปัจจุบัน เวลาคนมีคำถามหรือมีปัญหา คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้จะหันไปถามเพื่อนหรือญาติที่ไหน แต่จะไปถามอากู๋อย่าง Google เพราะฉะนั้น Google ก็เลยมีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอยากรู้หรือสิ่งที่คนสงสัยเยอะมากๆ

และ Google แบ่งปันภูมิปัญญาบางอย่างมาให้เราด้วย

เทคโนโลยีที่นักการตลาดแห่งโลกอนาคตควรรู้จักคือเทคโนโลยีที่เอาไว้ใช้ทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เช่น Google Trends (ที่เอาไว้ใช้หาเทรนด์ในภาพกว้างๆ)

หรือพวก Keyword Research Tools เช่น Ubersuggest, Ahrefs และ Semrush (ที่เอาไว้ใช้หาสิ่งที่คนสนใจแบบเจาะลึก)



9. Social Analytics

นอกจากสิ่งที่คนอยากรู้หรือมีคำถามแล้ว การไปวิเคราะห์สิ่งที่คนสนใจและชอบปฏิสัมพันธ์ด้วยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

ซึ่งสถานที่ที่คนสนใจและชอบปฏิสัมพันธ์ก็เป็น Social Media นั่นเอง

การลองใช้เทคโนโลยีที่เอาไว้ฟังเสียงและทำความเข้าใจอารมณ์ (Sentiment) ของคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ

DOM Social Listening Tool

เครื่องมือเช่น Wisesight (Zocialeye), InsightEra (DOM), Mandala, Zanroo, Social Enable, Realsmart เป็นเครื่องมือที่รวบรวม Data บน Social Media แบบสาธารณะที่กระจัดกระจายบน Facebook, Twitter, Instagram, Pantip, YouTube, TikTok และเอามาสรุปให้เห็นกันอย่างง่ายๆ

หรือการทำความเข้าใจ Native Social Analytics ของ Social Media ต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกัน


10. Affiliate

แต่ไหนแต่ไรมา “Word-of-Mouth Marketing” เป็นหนึ่งในเทคนิคการทำการตลาดที่ทรงพลังที่สุด

ใช้แล้วชอบ ก็เลยบอกต่อ บอกต่อเสร็จ คนก็อยากจะมาซื้อกันต่อ

ซึ่งเทคโนโลยี Affiliate นั้นเป็นเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาให้เรื่องเหล่านี้วัดผลได้ (คือวัดได้ว่าใครคลิก/ซื้อ การซื้อนี้ถูกส่งมาจากคนแนะนำคนไหน) และทำให้คนที่บอกต่อได้รับประโยชน์ไปด้วย

ในปีนี้เราก็เลยจะเห็นยักษ์ใหญ่อย่าง TikTok และ LINE หันมาโฟกัสสิ่งนี้ (ผ่าน TikTok Shop & LINE SHOPPING) นอกจาก Social Media Platform แล้ว Marketplace ต่างๆ เช่น Shopee, Lazada, Agoda, Booking และอื่นๆ อีกหลายตัวก็ใช้สิ่งนี้มาอย่างยาวนานเช่นเดียวกัน


11. Project Management & Collaboration

ควรลด ละ ได้แล้ว สำหรับการสั่งงาน ส่งงานผ่าน LINE

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยบริหารโปรเจคต์มากมายเช่น Trello, Notion, Asana, Clickup ที่ช่วยบอกว่างานไหน ใครต้องทำ และต้องทำเสร็จเมื่อไหร่

หรือถ้าจะ Chat คุยงานกัน การใช้ Slack หรือ Lark ก็เป็นท่าที่ดูเข้าที เพราะจะได้แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน

* ไม่ใช่ LINE ไม่ดี LINE ดีมากๆ เลย แต่แค่ LINE ไม่เหมาะกับการทำงานที่ต้องประสานหลายๆ คน เพราะมันปนกับเรื่องส่วนตัว และไฟล์บางอย่างมันหาย

** สำหรับ LINE ให้เลิกเลยก็คงยาก เข้าใจดี นี่ผมก็ยังต้องใช้ LINE คุยงานกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์อยู่ แต่ถ้าเป็น Internal Communication ผม Go Slack 100% ครับ


12. Web3

ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน ยังไม่ค่อยมี Commercial Use Case ของ Web3 ที่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ในไทย และกระแสมันเริ่มซาลง (หลังจากกระแสของ Generative AI พุ่งขึ้นมา)

แต่ผมคิดว่ามันก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่รอวันเบ่งบานเมื่อถึงเวลา

เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) หรือ Virtual Reality (VR) จริงๆ มีมานาน และหลายๆ ธุรกิจก็เอาไปใช้แล้ว พวก NFT ก็สามารถใช้ทำการตลาดรูปแบบใหม่ๆ หรือใช้สร้าง Community ได้

พยายามทำความเข้าใจและติดตามมันอยู่เป็นระยะ และพอถึงวันที่มันเบ่งบาน คุณจะได้พร้อมเติบโตไปกับมัน



เทคโนโลยีการตลาดที่นักการตลาดแห่งอนาคตควรรู้จัก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/