ปัจจุบันสถิติสูงสุดของโลกที่คร่าชีวิตทั้งชายและหญิงเห็นจะหนีไม่พ้นโรคหัวใจ โรคหัวใจถือเป็นภัยร้ายแรงที่คร่าชีวิตคนไทยมากถึง 20,855 คน ต่อปี  หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คน  ในระยะเริ่มแรกผู้ป่วยหัวใจจะมีอาการเพียงเล็กน้อย  ทำให้อาจละเลยการไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา  ดังนั้น   กรมสุขภาพจิตจึงให้ข้อมูล สัญญาณเตือนของโรคหัวใจวายซึ่งจะมีอาการอย่างไรบ้างนั้น ลองมาเช็คสุขภาพไปพร้อมๆกัน
1.    จะรู้สึกอ่อนเพลียมาก รู้สึกเหนื่อยจนไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
2.    มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณหลัง แขน หรือหน้าอก เมื่อเกิดอาการหัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจจะถูกปิดกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ออกซิเจนในเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ซึ่งอาการนี้จะส่งสัญญาณไปยังสมอง แต่สมองกับเกิดการสับสน ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ที่บริเวณอื่น ไม่เพียงแต่หน้าอกเท่านั้น
3.    มีอาการหายใจเต้นถี่ สังเกตจากการขึ้นและลงบันได้ หากรู้สึกเหนื่อยง่ายหรือหัวใจเต้นผิดปกติ นั่นคือ เป็นสัญญาณบอกว่าคุณกำลังเผชิญกับโรคหัวใจแล้ว
4.    แสบร้อนกลางหน้าอก แต่อาจจะเป็นเพียงโรคกรดไหลย้อนก็ได้เช่นกัน มีวิธีสังเกตอาการแสบร้อนกลางหน้าอกที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจก็คือ  จะมีอาการแสบร้อนอย่างหนักจนไม่สามารถทำอะไรได้
5.    ท้องไส้ปั่นป่วน มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรืออาการลำไส้ปั่นป่วน
6.    อึดอัดบริเวณคอและขากรรไกร ซึ่งอาการเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่าอาการเจ็บหน้าอก และมักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
7.    รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ ผู้ป่วยที่มีอาการโรคหัวใจจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม เหล่านี้ถือเป็นสัญญาณเงียบที่ไม่ควรละเลยถึงแม้ว่าผลที่ออกมาอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดแต่การเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองก็อาจจะทำให้ปลอดภัยจากอาการหัวใจวายรุนแรงได้
ทุกคนสามารถป้องกันโรคหัวใจด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างและหมั่นสำรวจตนเองถึงอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายหาก  มีอาการตรงตาม 7 สัญญาณที่กล่าวมาเพียง 2 – 3 ข้อ  ก็อย่าชะล่าใจที่จะพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค
ดังนั้นเราไม่อยากที่จะเป็นโรคหัวใจเรามาหาวิธีการป้องกันโรคหัวใจมีดังนี้
1.    กินปลาทะเล สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพราะปลาทะเลมีกรดโอเมก้า 3 ช่วยให้หัวใจทำงานเป็นปกติป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด ช่วยลดความดันโลหิตและช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย ปลาทะเลที่มีกรดโอเมก้าสูง ได้แก่ปลาทู ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน ปลาดาบปลากระพง
2.    กินถั่วเมล็ดแห้ง สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วดำ มีใยอาหารชนิดละลายในน้ำได้สูง  ใยอาหาร ชนิดนี้ช่วยลด แอลดีแอลคอเลสเตอรอล  ถั่วมีสารซาโปนิน(saponin)ซึ่งจะจับกับคอเลสเตอรอลในลำไส้และขจัดออกจากร่างกาย  นอกจากนี้ถั่วดังกล่าวยังมีโปรตีนสูงใช้แทนเนื้อสัตว์ใหญ่ได้  อีกทั้งการลดเนื้อสัตว์ใหญ่จะช่วยลดปริมาณไขมันอิ่มตัวที่ร่างกายจะรับได้ด้วย   ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองมีสารไฟโตเอสโทรเจนช่วยลด แอลดีแอลคอเลสเตอรอลและทำให้สัดส่วนของคอเลสเตอรอลรวมและ เอชดีแอล คอเลสเตอรอลดีขึ้น  รวมทั้งมีผลในการป้องกันโรคหัวใจ  ถั่วเหลืองมีโปรตีนสูงสุด  พบว่า  การกินโปรตีนถั่วเหลืองวันละ 25 กรัมจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้  โดยช่วยลดแอลดีแอลคอเลส เตอรอลได้ประมาณ 5-6 เปอร์เซ็นต์ต่อมิลลิกรัมต่อเดซิลิตร  ถั่วยังมีแมกนีเซียมสูงมากโดยเฉพาะถั่วดำ    การวิจัยของมหาลัยแพทย์ในแคลิฟอร์เนียใต้(Medical University of South California) ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ที่กินแมกนีเซียมจากอาหารไม่เพียงพอมีโอกาสถึง สองเท่าที่จะมีระดับซีอาร์พีในเลือดสูง ( ซีอาร์พีเป็นสารที่บ่งชี้การอักเสบในร่างกายที่นำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจได้หากไม่แก้ไข)
3.    กินผักและผลไม้หลากหลายสีทุกวัน เพราะว่าผลไม้ผักและผลไม้เป็นแหล่งของใยอาหาร สารฟลาโวนอยด์ สาร แอนติออกซิแดนต์ วิตามิน และเกลือแร่อีกหลายชนิดที่ช่วยลดแอลดีแอลคอเลสเตอรอลลดความเสี่ยงโรคหัวใจ  มีพลังงานต่ำ  และช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัวอีกด้วย
ควรกินผักในตระกูล ครูซิเฟอรัส ทุกวัน ได้แก่ ผักคะน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ แขนงผัก กะหล่ำปลี ผักกาดกวางตุ้ง  ผักประเภทนี้มีพลังงานต่ำ  บรอกโคลีสุกครึ่งถ้วยให้พลังงาน 27 แคลอรี  นอกจากจะให้ใยอาหารแล้วยังให้สารอาหารหลาย ๆ ชนิดที่ช่วยลด แอลดีแอล คอเลสเตอรอล  และป้องกันโรคหัวใจได้
4.    กินผลิตภัณฑ์ข้าวและธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวไรซ์เบอรี่  ขนมปังโฮลวีต  เส้นหมี่ข้าวกล้อง  ข้าวโอ๊ต  ลูกเดือย ข้าวโพด  ข้าวบาร์เลย์  และถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ  อาหารดังกล่าวจะให้ใยอาหาร วิตามินบี และวิตามินอีเพิ่มขึ้น  มีผลช่วยลด แอลดีแอลคอเลสเตอรอล  ข้าวบาร์เลย์มีใยอาหารละลายน้ำได้  (เบต้ากลูแคน)สูง ช่วยให้ย่อยช้า  จึงควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้ขึ้นสูงและยังช่วยลดคอเลสเตอรอล
5.    ใช้น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำแต่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง ซึ่งจะช่วยลด แอลดีแอล คอเลสเตอรอล ทุก ๆ 1เปอร์เซ็นต์ที่ลดไขมันอิ่มตัวในอาหารจะช่วยลด แอลดีแอลคอเลสเตอรอลลงได้ 2% ข้อสำคัญคือ ไม่ควรทดแทนไขมันอิ่มตัวด้วยอาหารคาร์โบไฮเดรตขัดสีหรือขนมไขมันต่ำ เพราะว่าแม้ แอลดีแอลคอเลสเตอรอลจะลดลงจริง  แต่ทำให้ เอซดีแอลพลอยลดไปด้วย  ซึ่งจะยิ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจ ควรทดแทนไขมันอิ่มตัวด้วยไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวเช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชาน้ำมันรำข้าว  ถั่วเปลือกแข็งหรือนัทและอะโวคาโด
6.    กินผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนยหรือนมขาดไขมัน แทนผลิตภัณฑ์นมไขมันเต็มทุกวัน จะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
7.    ควบคุมปริมาณอาหารที่กินในแต่ละมื้อ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไม่ควรกินเกินวันละ 200 กรัม
8.    สมุนไพร เครื่องเทศ ไม่ว่าของไทย หรือฝรั่งมีสารแอนติออกซิแดนต์สูง  ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
9.    โกโก้สกัดมีสารไพรไชยาดินส์ (procyanidins) ซึ่งช่วยให้ผนังหลอดเลือดคลายตัว ทำให้ความดันโลหิตลดลง จึงลดความเสี่ยงโรคหัวใจ  นอกจากนี้สารไพรไชยานิดินส์ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
สุขภาพดีหรือไม่นั้นคุณเลือกได้ เริ่มต้นง่าย ๆ แค่กินอาหารให้เป็น  หนึ่งในสาเหตุหลักของการเจ็บป่วยนั้นมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราไม่ว่าจะด้วยเรื่องการพักผ่อนน้อย ความเครียด การไม่ออกกำลังกาย หรือการใช้ร่างกายแบบผิด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการกินอาหาร 
อาหารสุขภาพ ช่วยป้องกันหัวใจวาย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/