ปัจจุบันธนาคารไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์การเงินแบบเดิม ๆ แต่ยังมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ด้านความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยไปพร้อมกับการตอบสนองด้านการออมเงินได้ในเวลาเดียวกันด้วย ซึ่งนั่นก็คือ ประกันออมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถผสมผสานคุณลักษณะของประกันภัยเข้ากับการออมทรัพย์ไว้ได้อย่างลงตัว
ประกันออมทรัพย์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า ประกันสะสมทรัพย์ ที่ว่านี้จะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง เพราะอะไรทำไมมีแต่คนบอกว่าคุ้มค่า เราได้รวบรวมประโยชน์ของ ประกันสะสมทรัพย์ มาเฉลยให้ทุกคนได้ทราบพร้อมกันที่นี่แล้ว
รับเงินคืนเมื่อครบอายุสัญญา หลายคนที่เคยทำประกันเดี่ยว ๆ เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิตผู้สูงอายุ ประกันโรคร้ายแรง ประกันPA จะทราบดีว่าเมื่อจ่ายเบี้ยรายปีไปแล้วไม่เกิดอาการบาดเจ็บหรืออาการเจ็บป่วยไม่เข้าหลักเกณฑ์ของแผนประกันนั้น ๆ หลังจากครบอายุสัญญากรมธรรม์ก็ต้องจ่ายค่าเบี้ยรายปีรอบใหม่ ไม่ได้รับเงินค่าเบี้ยประกันจากรอบปีเก่าคืนกลับมา แตกต่างจากประกันแบบออมทรัพย์ที่เมื่อครบรอบอายุสัญญาตามกำหนดในกรมธรรม์ เช่น 10 ปี 15 ปี 20 ปี ก็จะได้รับเงินคืนตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ ซึ่งมักจะเป็นอัตราที่เพิ่มจากเบี้ยประกันภัยที่จ่ายไปแล้วทั้งหมด อาจไม่มากเท่าผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนประเภทอื่น ๆ แต่มักถูกคาดการณ์ไว้แล้วว่าสามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้
รับเงินคืนตามรอบที่กำหนด ผู้ทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์จะได้รับมากกว่าเงินคืนเมื่อครบอายุสัญญาตามข้อ 1 โดยมีโอกาสที่จะได้รับเงินคืนตามรอบที่กำหนด ยกตัวอย่างเช่น
ประกันชีวิตออมทรัพย์ Life Save Plus 15/5 จากธนาคารกรุงไทย ซึ่งกำหนดไว้ว่าผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินคืนสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 5 – 9 จำนวน 2.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10 – 14 จำนวน 5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ให้ความคุ้มครองยาวนานกว่าจำนวนปีที่จ่ายค่าเบี้ย กลับไปดูที่ตัวอย่างเดิมนั่นคือประกันชีวิตสะสมทรัพย์ Life Save Plus 15/5 จากธนาคารกรุงไทย เราจะเห็นตัวเลข 15/5 อยู่บนชื่อของผลิตภัณฑ์ ตัวเลขด้านหน้าบ่งบอกถึงจำนวนปีที่ให้ความคุ้มครอง ตัวเลขด้านหลัง ใช้บ่งบอกจำนวนปีที่ต้องชำระค่าเบี้ย นั่นหมายความว่าประกันชีวิตสะสมทรัพย์ Life Save Plus 15/5 กำหนดให้จ่ายค่าเบี้ยเพียง 5 ปี แต่ให้ความคุ้มครองยาวนานถึง 15 ปีนั่นเอง
เลือกรอบชำระค่าเบี้ยได้ โดยทั่วไปประกันชีวิตสะสมทรัพย์จะเปิดโอกาสให้ชำระค่าเบี้ยเป็นรายปี แต่ก็มีหลายแผนที่เปิดโอกาสให้เลือกรอบจ่ายในลักษณะอื่นด้วย เช่น ราย 3 เดือน ราย 6 เดือน ซึ่งหากจะให้แนะนำควรเลือกจ่ายเป็นรายปีจะดีกว่า เนื่องจากทางบริษัทประกันภัยอาจคิดค่าเบี้ยราย 3 เดือน และราย 6 เดือน สูงกว่ารายปีนั่นเอง
ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท นอกจากผู้ทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จะได้รับประโยชน์ด้านความคุ้มครองและผลตอบแทนแล้ว ยังมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ทางภาษีด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องมือลดหย่อนภาษีเงินได้สามารถใช้ประกันชีวิตสะสมทรัพย์มาช่วยได้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการวางแผนภาษี
แม้ว่าประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จะมีประโยชน์มากมายแต่ก็แฝงข้อด้อยไว้ด้วยเช่นกัน เพราะหากเปรียบเทียบวงเงินคุ้มครองของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์กับประกันภัยประเภทอื่น ๆ ซึ่งให้ความคุ้มครองโดยตรง เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิตผู้สูงอายุ ประกันโรคร้ายแรง ประกันPA จะพบว่าประกันที่ให้ความคุ้มครองโดยตรงมักให้วงเงินคุ้มครองได้สูงกว่า เช่นเดียวกับการเปรียบเทียบผลตอบแทนกับการลงทุนประเภทอื่น ๆ จะพบว่าผลตอบแทนของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์มักให้ได้ไม่สูงเท่า ดังนั้นผู้ต้องการผลตอบแทนสูงหรือต้องการความคุ้มครองในวงเงินสูง จึงควรพิจารณาในจุดนี้ร่วมด้วยเช่นกัน
